คุณพ่อภรรยาผู้ลาจาก
สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ผมติดภาระกิจ ทำให้ไม่สามารถ update ได้เหมือนเดิม เนื่องจากพ่อของภรรยาผมจากไป ด้วยโรคมะเร็งตับ
มะเร็งตับ โรคร้าย ที่เป็นแล้วตายทุกคน
เท่าที่ผมหาความรู้และอ่านประสบการณ์มาจากหลายๆคนใน internet พบว่า ทั้งหมด เสียชีวิตในระยะเวลาที่มากน้อยต่างกันไป ขึ้นอยู่กับระยะที่เจอ ว่าเจอระยะไหน แต่ว่าทั้งหมดยังไม่มีใครบอกว่า รอดมาได้นานหลายปีเลย หรือถ้ามีก็น้อยมาก
ตรวจหาได้ยาก
เป็นที่น่าเสียดายว่าการตรวจสุขภาพประจำปีอย่างต่อเนื่อง มักจะไม่เจอมะเร็งตับในระยะ 1-2 สักเท่าไร เนื่องจาก การ x-ray ก็ทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดมาก แต่ว่าจะเริ่มเห็นได้ชัดเจนเมื่อในระยะที่ 3-4 ไปแล้วซึ่งโอกาสรักษาให้กลับมาหายดีนั้นมีน้อย และส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักจะไม่รู้ตัว คิดว่าปวดท้องธรรมดา แล้วซื้อหายามากิน ก็หายบ้างไม่หายบ้าง จนท้ายที่สุด ก็ไม่หายแน่แล้วถึงไปโรงพยาบาล เมื่อไปก็พบว่าเป็นระยะที่สามเป็นอย่างน้อยแล้ว
ตัวเหลือง ตาเหลืองต้องรีบเลย
เพราะว่า คนที่มีอาการออกมาที่ร่างกายก็คือ ตัวเหลือง ตามข้อศอกข้อพับจะเห็นได้ชัด ตาเหลือง เหล่านี้คืออาการหนึ่งที่บ่งบอกว่า ตับมีปัญหามาก ต้องรีบพบแพทย์ด่วนเลย อย่างของพ่อภรรยา ก็ตัวเหลือง ตาเหลือง ปวดท้องมาก จนไม่ไหว ต้องไปโรงพยาบาล ตรวจละเอียดดูก็ถึงได้พบว่าเป็นระยะสามแล้ว และน่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน
step ของโรค คือ ไวรัสตับอักเสบ > ตับแข็ง > มะเร็งตับ
สำหรับคนที่เป็นไวรัสตับอักเสบ ต้องระวัง เพราะว่าอาการจะพัฒนาต่อเป็นตับแข็ง และ เป็นมะเร็งตับในท้ายที่สุด แต่อย่างไรก็ดี ปัจจุบันเค้าสามารถผ่าตัดเปลี่ยนตับได้แล้ว ก็จะทำให้มีอายุยืนต่อไปได้อีกมากพอสมควรเลย (ซึ่งการผ่าตัดเปลี่ยนตับก็มีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าจะผ่าตัดเปลี่ยนกันได้ทุกคนทันที)
ข้อดี ก็คือ ไม่ตายในทันที
น่าจะเป็นข้อดีข้อเดียวของโรคมะเร็งเลยก็ว่าได้นั่นคือ ผู้ป่วยจะไม่เสียชีวิตในทันที แต่จะมีเวลาให้สะสาง และทำทุกอย่างที่อยากทำได้ (ขึ้นอยู่กับระยะของโรคด้วย) ดังนั้น ใครที่เป็นโรคนี้ ให้คนรอบข้างรีบทำใจล่วงหน้าเอาไว้ และรีบให้เจ้าตัวสะสางภารกิจที่คั่งค้างออกให้หมดโดยเร็วที่สุด เพราะว่า ช่วงสุดท้ายของชีวิต อาจจะไม่มีสติมากพออีกแล้ว
มอร์ฟีน แวเลี่ยม ตามกันมา
ในช่วงสุดท้ายของผู้ป่วยจะมีอาการปวดตลอดเวลา เค้าบอกกันมาว่า ให้ลองนึกถึงเราปวดท้องแต่ว่าความปวดนั้นมีอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยลดลงเลย นั่นล่ะครับ สิ่งที่ผู้ป่วยจะได้รับ จนท้ายที่สุด ต้องใช้ยาระงับปวดที่แรงที่สุดก็คือมอร์ฟีน และไม่ต้องห่วงว่าจะติดเลย แค่ตั้งเป้าหมายให้บรรเทาปวดให้ได้มาที่สุดก็เพียงพอแล้ว และในช่วงท้ายๆของอาการก็จะนอนไม่หลับ ทั้งวันทั้งคืน หลับก็สั้นมาก 15 นาที ไม่เกินครึ่งชั่วโมง ก็ต้องให้แวเลี่ยม ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการเพ้อ เห็นภาพหลอน และประติดประต่อเรื่องราว ผิดๆถูกๆ ไม่รู้ความเป็นจริงดังนั้นช่วงนั้น ก็ไม่สามารถสื่อสารกันได้รู้เรื่องแล้ว
จากไปอย่างสงบ
ด้วยการแพทย์ปัจจุบัน ก็จะระงับปวดได้เป็นอย่างดีทำให้ผู้ป่วยไม่ทรมานมาก ดังนั้นในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตจะคล้ายกันก็คือ นอนหลับไป และจากไปอย่างสงบด้วยการทำงานส่วนต่างๆของร่างกายเริ่มหยุดทำงาน จนหัวใจหยุดทำงานด้วย โดยก่อนหน้าจะถึงช่วงเวลานี้ แพทย์จะถามญาติเอาไว้ก่อนว่า ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจ จะให้ใส่ท่อ oxygen ลงคอหรือไม่ ก็จะพูด หรือ กินน้ำอาหารไม่ได้อีก และเมื่อสิ้นสัญญาณชีพ จะให้ทำกระบวนการกู้ชีพหรือไม่ โดยส่วนใหญ่ญาติที่ได้เห็นกันมานาน ก็จะทำใจได้และไม่อยากให้กู้ชีพหรือ ใส่ท่อช่วยอีก เพราะว่า ถ้าต้องตื่นขึ้นมา ก็จะพบกับความทรมานในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตอีก จึงให้จากไปอย่างสบายน่าจะดีกว่า แต่เรื่องนี้ญาติสามารถเลือกได้เองนะครับ แพทย์จะดำเนินการให้ตามที่เราเลือกอย่างเต็มความสามารถ สรุปแล้ว หลังจากที่มีอาการปวดท้อง และตรวจพบ จนสิ้นไป อยู่ได้ 44 วัน
สุดท้าย ก็ทำให้เห็นได้ว่า เรื่องนี้เป็นธรรมดาของโลก เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่มีใครเลี่ยงได้พ้น คนที่มีอายุยืนก็ไม่ใช่ว่าจะมีความสุขในชีวิตอย่างที่ตัวเองอยากมี
ดังนั้น เราดำเนินชีวิตก็สร้างอะไรให้โลกใบนี้ได้จดจำเราบ้าง ดูแลตัวเองและคนรอบข้างบ้าง อย่างที่เหมาะสมและสมควรจะเป็น เพื่อที่วันนึงเราจะได้ไม่เสียดายว่า ยังไม่ได้ทำนั่นนี่นู่นเลย