เคล็ดลับการเพิ่ม ‘โอกาส’ ให้ตัวเอง
โอกาสเป็นสิ่งที่หลายคนรอคอย โอกาสเป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดในเรื่องที่ดีๆ โอกาสสามารถทำให้ชีวิตเกิดความเปลี่ยนแปลงได้ แต่คำถามคือ เราต้องรอคอยโอกาสถึงเมื่อไรล่ะ
เคยมีเรื่องตลกเล่ากันว่า นาย John เป็นคนที่เชื่อในพระเจ้ามาก และเค้า ก็เฝ้ารอคอยโอกาสที่จะสามารถเปลี่ยนชีวิตเค้าให้ไปในทางที่ดีขึ้นได้ เค้าจึงสวดอ้อนวอนในทุกๆวัน โดยหวังว่าพระเจ้าจะประทานโอกาสนั้นให้ในวันหนึ่ง เวลาก็ผ่านไปเป็นเดือนเป็นปี ก็ยังไม่ได้รับโอกาสอะไรใหม่ๆ แม้แต่อย่างเดียว ความอดทนของเค้าค่อยๆลดลงเรื่อยๆ จนท้ายที่สุด เค้าก็ทนไม่ไหวในการรอคอยอันแสนยาวนานนั้นอีกต่อไป เค้าจึงตะโกนขึ้นไปบนฟ้าว่า แด่พระเจ้าที่ข้าเคารพ ข้าสวดอ้อนวอนท่านมาอย่างยาวนาน ข้าหวังพึ่งท่านที่จะให้โอกาสข้า เหตุใด ท่านจึงไม่เคยประทานโอกาสอันใดให้ข้าเลย….. สักพัก ก็กลับมีเสียงตอบกลับมาว่า ถึง John ผู้เป็นลูกหลานของข้า ข้าได้ยินคำร้องขอของเจ้ามานานแล้ว ถ้าเจ้ายังอยากได้โอกาสอยู่ ก็ช่วยซื้อ lottery สักใบเถิด ข้าจะได้มีโอกาสประทานสิ่งที่เจ้าร้องขอได้…….. เรื่องนี้สอนว่า John เป็นคนที่รอคอยโอกาส แต่เค้าเองกลับไม่ทำให้ตัวเองได้รับโอกาสอะไรเลย
เชื่อมั้ยหลายคน ก็เป็นแบบ John นี่แหล่ะ ต้องการโอกาส อยากได้โอกาส แต่ไม่ทำอะไร ให้เกิดโอกาสเลยสักอย่าง บางคนซ้ำร้ายกว่า พอมีโอกาส ก็กลัวไม่อยากรับเอาไว้ซะอีก เพราะกลัวว่าทำไม่ได้ กลัวว่าทำไมดี กลัวว่าไม่คุ้ม (ผมเคยเป็น)
ดังนั้น เราต้องเปลี่ยนแปลง เราต้องเป็นคนที่ไม่รอคอยโอกาส ไม่รอคอยโชคชะตา แต่เราจะทำให้มันเกิดขึ้นมา และนอกเหนือจากนั้นแล้ว ก็ต้องเป็นคนที่พร้อมรับโอกาสเหล่านั้นด้วย
การเปลี่ยนแปลงคือสิ่งสำคัญที่สุด
ลองคิดดู John ผู้ซึ่งอยากได้โอกาส แต่ใช้ชีวิตแบบ ธรรมดาๆ ไม่ทำอะไรแปลกใหม่ ไม่สร้างอะไรใหม่ๆ ไม่คิดอะไรใหม่ๆ หรือเรียกได้ว่า John ตกอยู่ใน comfort zone เพราะกำลังเห็นว่า ชีวิตเราก็กำลังสบายดีอยู่แล้วไม่ดิ้นรนอะไร แล้วโอกาสใหม่ๆที่จะเข้ามา จะมาจากทางไหนได้ล่ะ?
สมองเราก็ด้วยเหมือนกัน สมองถูกออกแบบมาให้ ‘ดำรงค์ชีวิต’ ในแบบที่สบายๆ สมองไม่ได้ถูกออกแบบมา เพื่อทำให้ ‘ประสบความสำเร็จ’ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะเอาสมองมาใช้ทำให้เราประสบความสำเร็จไม่ได้ เพียงแต่เราต้องรู้จักควบคุมและใช้มันให้เป็นประโยชน์ เราจึงต้องเริ่มเปลี่ยนแปลง สิ่งแรกเลยก็คือ ความคิด
เมื่อใดที่เราเปลี่ยนความคิดได้ เมื่อนั้นทุกอย่างก็จะเปลี่ยนตามไปเอง ไม่ว่าจะเป็น การกระทำ คำพูด การใช้ชีวิต เพื่อน หนังสือที่อ่าน รายการที่ดู ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหมด
หลักที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลง คือต้องเปลี่ยนไปในทางที่นำเราไปสู่สิ่งที่เราอยากเป็น อยากได้ อยากมี หรืออย่างน้อยที่สุด ก็เริ่มเปลี่ยนบางอย่างที่ทำมานาน โดยที่เรามองเห็นว่า ถ้าเราเปลี่ยนเป็นแบบนั้น มันน่าจะต้องดีขึ้นสิ
หาตัวอย่างให้เจอ
เรื่องนี้เป็นทางลัดอันนึง ถ้าเราอยากได้โอกาสอะไรสักอย่าง แล้วเราต้องเริ่มที่การเปลี่ยนแปลง ผมแนะนำให้หาตัวอย่างให้เจอ ว่าเราอยากเป็นแบบใคร พร้อมตอบตัวเองให้ได้ว่าทำไมอยากเป็นแบบเค้า จากนั้นลองศึกษาเค้าดู ว่ากว่าที่เค้าจะมาถึงตรงนี้ได้ เค้าผ่านอะไรมาบ้าง เค้าทำอะไรมาบ้าง คำตอบเหล่านี้แหล่ะ ก็จะมาเป็นแนวทางให้เรา เปลี่ยนแปลงตัวเราเอง
ตั้งเป้าหมายให้ได้
มันก็เป็นการดีที่เราจะโอนเอนลู่ลมไปตามทิศทางที่พัดไปมา แต่ว่าเรายังคงต้องรู้อยู่เสมอว่า เป้าหมายสุดท้ายเราคืออะไร เพราะบางครั้ง การที่เราเฉออกนอกทิศทางไป อาจจะทำให้เราลืมไปเลย ว่าเป้าหมายเราอยู่ตรงไหน นึกขึ้นได้อีกครั้ง ก็เกินกว่าจะเลี้ยวกลับมาได้แล้ว
จากการที่เรามีตัวอย่างแล้ว เราน่าจะพอนึกออกว่าเป้าหมายของเราเป็นอย่างไร ก็ง่ายๆ คือเป็นเหมือนอย่างที่ตัวอย่างเราเป็นนี่แหล่ะ แต่อธิบายให้ชัดหน่อย ว่าแง่มุมไหน ยังไงบ้าง เพราะเราคงไม่ได้อยากเป็นเหมือนเค้าทุกอย่าง
อย่ากลัวกับความล้มเหลว
เพราะไม่มีใครรับประกันได้ว่า เมื่อมีโอกาสแล้ว จะทำมันออกมาดี หรือ ล้มเหลว นี่เป็นเหตุที่ทำให้หลายคนกลัวในการที่จะได้รับโอกาสมากกว่า การอยากได้รับโอกาส
ก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กนักเรียนในห้อง ที่ครูถามว่า คำถามข้อนี้ใครตอบได้บ้าง ทุกคนต่างนิ่งเงียบ แถมกลัวว่าจะเป็นคนตอบ ทั้งๆที่หลายคนรู้คำตอบด้วยซ้ำ นั่นก็เพราะว่าเค้ากลัวว่าตอบผิด (แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าคำตอบน่ะถูก ก็ยังกลัวอยู่ดี) เรื่่องนี้มันฝังรากลึกมาในคนไทย ซึ่งแตกต่างจากฝรั่งมากที่เค้ามองว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก ตอบผิดก็ได้ตอบ ตอบผิดก็ถือว่าได้เรียนรู้ในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่เขิน ไม่อาย
มองหาโอกาส
เมื่อเราทำทุกสิ่งอย่างแล้ว ก็อย่ารอครับ อย่ารอโอกาสเข้ามา พุ่งเข้าไปหาเลย มองหา ค้นหา scan หา เอาตัวเข้าไปหา อย่าอยู่นิ่งๆ อย่าอยู่เฉยๆรอมันชน แล้วคุณจะพบว่า จริงๆโอกาสมันมีอยู่เยอะมาก แค่เราไม่เคยไปค้นหาเท่านั้นเอง