AWS Amazon มีความเจ๋งสำหรับมือใหม่ก็คือเค้าเปิดให้เราเข้าใช้งานแบบจำกัด resource ได้ฟรี โดยที่เราไม่ต้อง จ่ายเงินสักบาทเดียวตลอดเวลา 1 ปีที่เราใช้งาน
บทความก่อนนี้อธิบายไปเยอะแล้ว ว่า AWS Amazon คืออะไร บทความนี้จะเริ่มต้นสมัครเข้าใช้ และจะอธิบายเบื้องต้น หลังจากที่เข้าใช้งาน เพราะสำหรับมือใหม่มากมันก็ไม่ได้ง่ายนัก เนื่องจากมันมีอะไรให้เราใช้เยอะมาก (คือไม่ยาก แต่ด้วยความเยอะ มันจะทำให้เรางง จนนึกว่ายาก) คำถามที่สำคัญคือเราต้องเริ่มที่อะไรก่อนล่ะ ดังนั้นใจเย็นๆผมจะค่อยๆอธิบายให้ฟัง
สมัครใช้ AWS Amazon ฟรี 1 ปี
สมัครครับ ที่นี่ https://aws.amazon.com/resources/create-account/ ให้เรากรอก email ที่เราใช้งานเป็นปกติ และควรเป็นอีเมลที่เราเช็คเสมอๆ และ ปลอดภัยด้วยก็จะดีมาก และเลือก “I am a new user.” แล้วกด Sign in using our secure server
หน้าต่อมา ก็ให้กรอกชื่อเรา กรอกอีเมล และตั้งรหัสผ่าน รหัสผ่าน ขอยากๆหน่อย แต่ต้องจำได้นะครับ
หน้าสุดท้ายแล้ว กรอกเยอะหน่อย พยายามอย่ามั่ว เพราะว่าเค้าอาจคิดว่าเรา spam แล้ว ปิด Account เรานี่งานหายเรียบนะครับ เมื่อกรอกครบ กด ติ้กถูกด้านล่าง แล้ว กดไปหน้าต่อไป ก็กด launch management console เลย เป็นอันว่าเสร็จสิ้นขั้นตอนการสมัครแล้ว เราจะใช้งานได้อีก 1 ปีนับจากตอนนี้ครับ
จากนั้น ระบบจะให้ login อีกครั้ง ก็ login เข้าไปตามปกติครับ กรอกอีเมล แล้วใส่รหัสผ่านเข้าไป เสร็จแล้ว AWS เราพร้อมให้เราใช้งานได้แล้วครับ!
สิ่งแรกที่ต้องทำ หลังจากสมัคร AWS Amazon คือเรื่องความปลอดภัย
ถ้าไม่สนใจก็มองข้ามไปนะครับ แต่ว่าเมื่อก่อน เคยมี case ว่า root account (account แรกสุด ที่เราสมัครเมื่อกี้จะถูกเรียกว่า root account) ถูก hack ทำให้ hacker เข้าไปลบ instant ทั้งหมด รวมทั้งลบ backup ทิ้งเกือบทั้งหมดด้วย (รู้ตัวก่อน) แต่ท้ายที่สุด ทั้ง production และ backup ถูกลบจนไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้อีกเลย เสียหายหลายล้าน $ (แต่ถ้าจำไม่ผิด case นี้เป็น special case ที่ทาง AWS เค้าช่วยไปกู้ข้อมูลกลับมาให้นะครับ แต่อย่าหวังว่าจะได้สิทธ์ special ทุกครั้งไปครับ)
ดังนั้น ผมจะทำให้ account นี้เปิดใช้งาน 2 Factor Authen โดยเจ้า 2 Factor Authen นี้ต้องใช้ร่วมกับมือถือเราด้วยนะครับ โดยร่วมกับโปรแกรมที่ชื่อว่า Google Authenticator ที่พัฒนาโดย Google หรือดู program ตามนี้ครับ https://aws.amazon.com/iam/details/mfa/ กดตามลูกษรเลยครับ
แล้วเลือก A virtual MFA device เพราะเราจะใช้ program กัน แล้วก็ next ไปเรื่อยๆ
AWS จะแสดง POPUP เพื่อให้เราเอา program มา scan bar code นะครับ เมื่อ scan barcode แล้ว ในโปรแกรมเราจะมีตัวเลขแสดง ให้เอาตัวเลขที่เห็นมากรอก แล้ว รอให้เวลาหมด เราจะได้เลขอีกชุดหนึ่ง ก็เอามากรอกอีก สองบรรทัดต่อเนื่องกัน เท่านี้เราก็จะเปิดใช้ 2 Factor โดยสมบูรณ์ การทดสอบง่ายมา logout และ login อีกทีครับ
เลือก Region ให้ตรงความต้องการ
AWS Amazon เค้ามี server ให้เราเลือกใช้ได้หลายสถานที่ทั่วโลกครับ (เค้าจะเรียกว่า ‘region’) โดยวันที่เขียนนี้ มีให้เราเลือกใช้ได้ 14 regions กันเลยทีเดียว และแน่นอนว่า ไม่มี ไทย นะครับ แต่สำหรับการทำงานให้คนไทยใช้งาน เราก็ต้องเลือกที่ใกล้ที่สุด นั่นคือ Singapore นั่นเอง แต่ เราก็สามารถเปลี่ยน region ไปมาได้ตลอด เรื่องนี้ต้องระวังให้ดี เพราะว่าถ้าเราใช้ service ตัวหนึ่งที่ Singapore เวลาเราเผลอเปลี่ยน region มันจะมองไม่เห็น service ตัวที่เรากำลังใช้งานใน singapore นะครับ เราต้องเปลี่ยนให้ถูกต้อง ดังนั้น ขอให้เลือกได้ตามใจชอบครับ วิธีการเปลี่ยนอยู่ที่ มุมขวาบนนะครับ ส่วน Singapore แม้ว่าใกล้บ้านเราที่สุดก็จริง แต่ว่าราคาก็แพงกว่า region ที่อยู่ใน USA ด้วยนะครับ อีกทั้ง service ที่มีให้ใช้ก็จะน้อยกว่า USA ด้วย คือ เวลาเค้าเปิด Service ใหม่เค้าจะเปิดให้ USA ใช้งานก่อน จนเข้าที่เข้าทาง เค้าก็จะค่อยๆปล่อยให้ region อื่นใช้ตามๆกันภายหลังครับ
ง่ายมั้ยครับ สมัคร AWS จริงๆ ถ้าเราไม่ทำ 2 Factor นั้น สามขั้นตอนก็สมัครได้แล้ว บทความนี้ ก็จบแล้วนะครับ ครั้งหน้าเราจะเล่าเรื่องการใช้งาน service แรกๆ ที่น่าจะได้ใช้กันครับ
แถม รายละเอียดของ AWS Free tier ใช้อย่างไรให้ฟรี
AWS Free tier เค้าให้เราใช้หลายๆ service ของเค้าได้ฟรี ตราบใดที่เราไม่ใช้เกินกว่า limit ที่เค้ากำหนด ซึ่งสิ่งที่เค้ากำหนดให้เราใช้แต่ละ service จะไม่เท่ากัน บ้าง limit ตามจำนวนชั่วโมงที่ใช้งาน บ้าง limit ด้วย ขนาดพื้นที่ บ้าง limit ด้วยจำนวนครั้งที่เรียกใช้งาน โดยทั้งหมด เค้าจะนับเป็นเดือนต่อเดือนเท่านั้น และเดือน ก็หมายถึงปฏิทินครับ คือพอวันที่ 1 ปุ้บ เราก็จะได้โควต้ากลับมาใช้งานเหมือนเดิมนั่นเอง
แต่ละ service จะมีรายละเอียด free tier ที่แตกต่างกัน ขอให้อ่านทำความเข้าใจก่อนใช้งานให้ดีทุกครั้ง โดยแต่ละ service เค้าจะบอกชัดเจนว่าให้ใช้ฟรีได้เท่าไร ยังไงบ้าง เราก็ต้องพอเข้าใจ concept ของ service นั้นบ้าง ถึงจะนึกออก ว่าเราใช้แค่ไหนถึงจะไม่เกิน แล้วมันก็จะมีเทคนิคจำพวก optimize อีก ว่าใช้อย่างไรให้ลดลงได้อีก เพราะว่า AWS มันจะแตกต่างจาก server ปกติที่เราใช้งานกันตรงที่ เราใช้มากจ่ายมาก ใช้น้อยจ่ายน้อยนี่แหล่ะ แต่คำว่าใช้มากหรือน้อย ก็ไม่ได้ตรงไปตรงมาตามวันเวลาที่ผ่านไป หรือ ตามปริมาณการคำนวนที่เกิดขึ้นเสมอไป รายละเอียดเยอะครับ มันถึงสามารถ optimize ได้(ลดค่าใช้จ่ายลง) โดยที่ได้งานเท่าเดิม
แต่อย่าพึ่งกังวลไป เพราะว่าผมจะค่อยๆอธิบายไปเรื่อยๆเวลาเล่าเรื่องแต่ละ service ครับ แต่ถ้าอยากรู้ว่ามี limit อะไรบ้างทั้งหมด ดูได้จากที่นี่ครับ https://aws.amazon.com/free/
แล้วครั้งหน้า จะเล่าให้ฟังถึง service แรกที่จะได้ใช้สำหรับคนทำเว็บกันครับ
เพิ่มเติมนะครับ เมื่อผ่านไประยะหนึ่ง มันจะ lock ให้เรากรอกบัตรเครดิต ก่อนการใช้งานต่อ ก็ขอให้กรอกไปนะครับ โดยมันจะไม่ได้ตัดเงินเราจริงๆครับ มันจะตัดเพื่อทดสอบ $1 เท่านั้นครับ
แล้วในขั้นตอนหลังจากที่กรอกบัตรเครดิตแล้ว ทำตามขั้นตอน ก็จะมีเบอร์อัตโนมัติโทรมาหาเรา ให้เรากดตัวเลขที่เห็นจากหน้าจอลงไปตอนที่มีการโทรมา ไม่ต้องฟังก็ได้ครับ แล้ว มันจะดำเนินการขั้นต่อไปเอง
จากนั้นเลือก support แบบ basic (ไม่มีค่าใช้จ่าย) แล้วก็จบครับ