ตอนนี้อุปกรณ์มือถือ tablet ยัน notebook เริ่มเปลี่ยนมาเป็น USB Type C ในการเชื่อมต่อกันหมดแล้ว ข้อดีของ USB C มีเยอะครับ หลักๆที่เราเห็นได้ชัดคือ ไม่ต้องหงายขึ้นลงอีกแล้ว จับสาย หารูปให้เจอแล้วเสียบได้เลย กลับบนล่างยังไงก็ได้ อื่นๆ ก็จะเป็นเรื่องที่ จ่ายไฟได้เยอะขึ้น และรองรับการทำงานของอุปกรณ์ที่หลากหลายรูปแบบมากขึ้น จึงนำมาสู่เรื่องจุกจิกอีกหลายเรื่องที่คนใช้งาน USB Type C จำเป็นต้องรู้ครับ
มันกำลังจะกลายเป็น Port Standard ใหม่
ตอนที่เค้าสร้าง Type C ออกมา เค้าแก้ปัญหาเรื่องหลักก็คือ ต้องเล็งขั้วก่อนเสียบเสมอ Type C แก้ปัญหาแล้วด้วยการ หมุนแล้วก็ยังเสียบและใช้งานได้ปกติด้วย อีกทั้ง มันยังรองรับการจ่ายไฟที่เพิ่มขึ้นสูงมาก จาก USB standard ปกติ เค้าจ่ายไฟกันที่ 5 Volt 1.5 Amp แต่ว่า Type C ก็ออกแบบให้จ่ายกระแสไฟได้สูงขึ้น 3 Amp เลย (หมายความว่ามันจะชาร์ทได้เร็วมากกกกก แต่ขึ้นอยู่กับมือถือ และ แท่นชาร์ทด้วยนะ)
USB Type C มันจึงอันตรายกว่าเดิม
เพราะว่ามันจ่ายกระแสไฟได้สูงนี่แหล่ะครับ มือถือร้อนขึ้น ร้อนเร็วกว่าเดิมอย่างแน่นอน (แต่เค้าออกแบบมาให้รองรับอยู่แล้ว) อีกสิ่งที่ตามมาคือ สายชาร์ทจะร้อนขึ้น ถ้าใครไม่เคยชาร์ทมือถือแล้วสายร้อน บอกเลยว่า USB Type C ถ้าชาร์ทอุปกรณ์ตั้งแต่ช่วงแบตใกล้หมดมาเรื่อยๆ สายจะร้อนอย่างที่รู้สึกได้เลย และตัว charger จะร้อนมากๆเลยทีเดียว ดังนั้น ต้องระวังเรื่องเหล่านี้ไว้ด้วย (ร้อนแล้วจะเสื่อมเร็วขึ้น)
มันไม่ได้บอกถึงความเร็ว
Type C มันเป็นตัวบอกการทำงานในเชิงกายภาพมากกว่า แต่มันจะยังทำงานเป็นแบบ USB 3.1, 3, 2 หรือเก่ากว่า ก็ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่เราใช้ กับประเภทของ USB Type C ที่เราซื้อ แต่ว่า โดยทั่วไป สายที่ยี่ห้อดีๆหน่อย ก็จะเป็น USB Type C , version 3.0 ขึ้นไปทั้งนั้นครับ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า มันจะต้องกำกับเอาไว้ทั้งเลข version และ Type ที่ใช้ ลองนึกง่ายกว่า Type C หน้าตา ไม่เหมือน Micro แค่นั้นล่ะครับ
อย่าเลือกสาย USB Type C ราคาถูก มือถืออาจจะพังได้
จากที่กล่าวมาทั้งหมด การเลือกสาย USB Type C ดีๆมีความสำคัญมาก เพราะหลายคนเลือกสายราคาถูกๆมาใช้ จะพบว่า สายร้อน หรือชาร์ทได้ช้า หรืออาจจะจ่ายกระแสไฟเกิน ท้ายที่สุด มือถือ หรือ charger จะพังก่อนวัยอันควร เรื่องนี้ต้องใส่ใจให้มาก สายชาร์ทดีๆ ผมหาซื้อได้ เส้นละ 180 บาท (1เมตร) หรือดีเวอร์ๆ แบบ สายไนลอนอย่างดี ก็ไม่เกิน 350 บาท (1เมตร) แต่มันเทียบไม่ได้เลย กับมือถือราคาเป็นหมื่นบาทที่มันจะพังเพราะสายกับที่ชาร์ทห่วยๆ
ระวังการใช้ที่ชาร์ทที่ไม่ได้มามาตรฐาน
นอกจากเรื่องสายแล้ว ตัวจ่ายไฟ หรือ Adaptor ชาร์ท USB Type C เองก็สำคัญไม่แพ้กันเลย เป็นอีกปัจจัยที่จะทำให้มือถืออายุสั้นได้เช่นกัน เพราะว่า ผมทดสอบมาหลายตัว มีทั้งจ่ายไฟเกินบ้าง จ่ายไฟขาดบ้าง กระแสไม่ถึงบ้าง ฯลฯ สารพัดเลย ก็ต้องระวังเหมือนกัน ผมก็ลงทุนซื้อของดีๆอีก ถ้าเอาแบบดีเวอร์ๆเลย ชาร์ทได้สอง port และได้ certificate ด้วย ก็ยังราคา 1,000 บาทเท่านั้น อีกเช่นกัน เทียบไม่ได้กับมือถือราคาหมื่นบาทเลยครับ
ไม่จำเป็นต้องซื้อสายใหม่หากไม่มีทางเลือก
ถ้าคนที่มีสาย micro USB ดีๆอยู่แล้ว มันชาร์ท USB Type C ไม่ได้ ก็แค่ซื้อ Adaptor ดีๆมาสักตัวครับ ราคา ไม่เกิน 150 บาท ทำหน้าที่แปลงจาก micro USB เป็น USB Type C ก็ใช้ได้แล้วครับ (บางคนที่ใช้สายราคาหลายร้อยบาท หรืออาจจะเป็นพันบาท)
สรุป USB Type C
จริงๆ ก็ไม่ได้จะบอกว่า USB Type C ต้องดูแลเป็นพิเศษหรอกครับ ถ้าเราดูแลเรื่อง ที่ชาร์ท สายชาร์ทดีๆตั้งแต่ micro USB มือถือก็จะมีอายุที่ยืนยาวแล้วครับ เพียงแต่ว่า USB Type C มันทำอะไรได้มากขึ้น ผลกระทบมันก็เลยมากขึ้น ก็อาจจะต้องศึกษาเรื่องของมันเพิ่มเติมนิดนึงก็จะดี
ป.ล.ใครจะฝากผมซื้อสายชาร์ทที่ชาร์ทของดีๆ ใช้ทนๆก็ได้นะครับ 5555