จะมาเล่าเรื่องประสบการณ์ที่ผมเริ่มทำ Fasting มาแล้ว 14 วัน ได้ผลดีหรือไม่ดียังไง มีผลข้างเคียงอะไรยังไงบ้าง
ผมเริ่มต้นทำ Fasting 16 8 ด้วยเหตุผลหลักๆก็คืออยากจะลองทำ อยากจะรู้ว่าตัวเองจะทำได้ไหม แล้วที่เขาว่ามันยากลำบากมันยากลำบากจริงไหม เราจะต้องไปเจอกับอะไรบ้าง รวมทั้ง อยากลดไขมันที่เป็นห่วงยางอยู่ด้วย (ปกติผมเป็นคนค่อนข้างผอมอยู่แล้ว แต่มีห่วงยากเล็กน้อยรอบเอว) และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำอาหารและกินอาหารตอนเช้า คือตื่นมาเตรียมตัวแล้วก็ออกจากบ้านไปได้เลย
การทํา Fasting 16 8 ก็คือการไม่กินอะไรเลยยกเว้นน้ำเปล่าหรืออะไรก็ตามที่มันไม่มีแคลอรี่ นานเป็นระยะเวลา 16 ชั่วโมงในแต่ละวัน และจะมีช่วงเวลาที่เรากินอาหารได้นาน 8 ชั่วโมง แต่ 8 ชั่วโมงก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องกินบุฟเฟ่ หรือกินอาหารที่เยอะเกินกว่าปกติ กินอาหารตามปกตินี่แหละ โดยเขาบอกว่าก็กินให้ได้ตามปริมาณแคลอรี่ที่เราใช้ในแต่ละวันเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว กินอาหารที่ดี กินผักกินวิตามินต่างๆให้ครบถ้วน
จำได้ว่าวันแรกที่เริ่มทำมีอาการ วูบวาบ แต่ไม่เหมือนอาการคนจะเป็นลมคืออ่อนเพลียอะไรแบบนั้นนะ (อาการหน้าจะมืดเหรอ?) ปกติผมเป็นคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงานแล้วในบางวันตอนเช้าขี่ไปจะง่วงมากแต่ตั้งแต่เริ่มทำ Fasting ก็พบว่าไม่เคยง่วงตอนขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงานตอนเช้าอีกเลย กลับกันมีความรู้สึกว่าเรามีสมาธิมากขึ้นในเวลาที่เราใช้เวลาชีวิตไปกับบนท้องถนน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะขี่ได้ดีขึ้นหรอกนะ อ้ออีกอย่างนึงก็คือเป็นแผลในปากนั่นหมายความว่าดื่มน้ำน้อยกว่าปกติจำได้ว่าเป็นอยู่ 3 วันเพราะว่าวันที่ 2 วันที่ 3 ก็เพิ่มปริมาณน้ำเปล่าที่ดื่มในแต่ละวัน
ผมเลือกที่จะกินมื้อแรกตอนมื้อเที่ยง เพราะเผื่อเอาไว้ว่าตอนเวลาประมาณ 19:00 นถึง 20:00 นอาจจะได้กินข้าวกับที่บ้าน ก็เลยเริ่มกินมื้อนี้มื้อแรกตอนเที่ยง ผลก็คือก่อนจะเที่ยงมีอาการหิวมากอยากจะกินอะไรไปซะหมดทุกอย่าง แต่ก็พยายามหักห้ามใจตัวเองเอาไว้ แต่หลังจากผ่านไปประมาณ 3 วัน ก็ไม่มีอาการหิวเหมือนกับว่าร่างกายก็ปรับตัวได้แล้ว ในช่วงบ่ายๆก็มีอาการหิวในช่วงวันแรกๆเหมือนกับเรากินอาหารน้อยไป
จำได้ว่าวันแรกที่เริ่มทำ Fasting มื้อแรกที่กินก็คือก๋วยเตี๋ยว เพราะกลัวว่าถ้ากินอาหารหนักแล้วเดี๋ยวร่างกายจะตกใจแล้วย่อยไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร หลังจากนั้นก็ปกติดี ร่างกายเมื่อคุ้นชินก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ
น้ำหนัก หลายคนอาจจะอยากรู้ว่าน้ำหนักลดไหม ก็ไม่ได้ค่อยได้ลด เรียกว่า ทรงๆ มากกว่าคือไม่ขึ้นแต่ก็ไม่ลง
พลังงานน้อยลงเหนื่อยขึ้นไหม? ก็รู้สึกได้ว่าเรามีพลังงานน้อยลงกว่าปกติ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับขนาดว่าเพลียตลอดเวลาหรือจะหน้ามืดเป็นลม แต่เราไม่มีเรี่ยวแรงกระฉับกระเฉงเหมือนอย่างที่มันควรจะเป็นเท่านั้นเอง แต่ก็เพราะว่าเรากินอาหารที่น้อยลงมีแคลอรี่น้อยลงก็มีพลังงานมาใช้น้อยลง
ในช่วง 14 วันที่ผ่านมาก็มีไปงานแต่งบ้าง กินอาหารเยอะบ้างน้อยบ้าง เที่ยงหนักบ้างมื้อเย็นหนักบ้าง แล้วแต่วัน แต่ร่างกายก็ปกติดีเว้นวันหนึ่งที่ไปกินหอยแครงลวกมาเช้าวันต่อมาก็มีอาการท้องเสียหนักมากไปรอบนึง
พูดถึงเรื่องการขับถ่าย ด้วยเหตุที่เรากินน้อยดังนั้นการขับถ่ายก็เลยน้อยตามไปด้วย ก่อนหน้านี้ก็ปกติวันละรอบแต่ตอนที่เริ่มทำ Fasting ก็กลายเป็น 2 วัน 3 วันรอบ คือขึ้นอยู่กับอาหารที่กิน เพราะว่าช่วงหลังๆที่ทำ Fasting ก็ไม่ค่อยได้กินอาหารดีเท่าไหร่ ไม่ค่อยได้กินผัก ไปกินโปรตีนกินคาร์โบไฮเดรตมากกว่า จริงๆคนทำ Fasting ควรจะกินอาหารดีๆ กินผักเยอะๆ เหมือนอย่างภาพที่ประกอบบทความนี้นั่นแหละ นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่อาจจะไม่ได้ทำอย่างถูกต้องสักเท่าไหร่แต่ก็ใช้กินวิตามินช่วยเอา (ก็ไม่ถูกต้องอีก 555)
วันที่ 14 ต่างจากวันแรกไหม? การทำงานในช่วงเช้าก็เป็นไปได้ด้วยความปกติ ไม่มีอาการมึนหัวไม่มีอาการแปลกๆ แต่มีความรู้สึกว่าเราไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์สักเท่าไหร่ในการทำงานในช่วงเช้า แต่ก็ไม่ถึงกับว่าไม่มีสติคิดไม่ออกเลย เอาเป็นประมาณว่าจะปกติทำงานได้ร้อยเปอร์เซ็นต์อาจจะลดมาเหลือสัก 95% ประมาณนี้ คือรู้สึกว่าไม่เต็มร้อยแต่ก็ไม่ได้แย่ลงไปเยอะ งานในช่วงบ่ายก็สามารถทำได้ปกติดีไม่มีปัญหาอะไร เพราะว่าเราก็ได้กินมื้อเที่ยงเป็นมื้อแรกแล้ว ส่วนตอนช่วงเย็นๆจะเริ่มมีอาการหิวแต่ปกติผมก็หิวตอนเย็นๆอยู่แล้ว ดังนั้นการมาทำ Fasting ก็อาจจะเพิ่มความหิวขึ้นอีกนิดหน่อย แต่ก็ดีว่าที่ออฟฟิศเขาก็มีน้ำมีขนมอะไรให้กิน ก็เลยได้กิน แต่ว่าผมก็เลือกกินเหมือนเดิม ก็คือไม่ได้กินอะไรที่มันทำลายสุขภาพ เช่น น้ำตาลน้ำหวานอะไรพวกนี้ผมไม่กินอยู่แล้ว
มื้อเย็นกินอะไร? ก็แล้วแต่วัน กินอาหารตามสั่งบ้าง กินข้าวบ้าง กินขนมปังบ้าง คืออันนี้ไม่แน่นอนเลย ก็แล้วแต่วัน แต่ละวันจะไม่เหมือนกันแต่ก็พยายามกิน 2 มื้อ ก่อน 2 ทุ่มเท่านั้น แต่พอเวลาเราทำไปสักพักนึงเราอาจจะเริ่มกินได้น้อยลง คือความอยากกินก็อยากกินอยู่ แต่เรากินนิดเดียวเราก็จะเริ่มอิ่ม ดังนั้นอาหารที่เรากินในแต่ละวันโดยรวมก็จะลดลง แคลอรี่ที่เราโหลดเข้าไปในแต่ละวันก็ลดลงตามไปด้วย
เรื่องอารมณ์เป็นอย่างไร? ก็รู้สึกว่าปกติดี ควบคุมอารมณ์ได้เหมือนเดิม ไม่ได้มีอาการโมโหหิวหรือมีผลข้างเคียงจากความหิวอะไรแต่อย่างใด
เขาว่ากันว่าจะมีสติมีสมาธิมากขึ้นจริงไหม? ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องแต่ละบุคคลมากกว่า บางคนมันอาจจะมีผลดีในการเป็นยาหลอก ก็คือคิดว่าร่างกายเรามันจะดีขึ้นจากการที่เราทำ Fasting เรามีสมาธิมากขึ้นเรามีสมองที่เฉียบแหลมมากขึ้นอะไรแบบนี้ ส่วนนึงมันอาจจะจริงตรงที่เราไม่ต้องใช้พลังงานร่างกายในการไปย่อยอาหารบ่อยๆ เพราะทุกครั้งที่เรากินอาหาร เลือดส่วนใหญ่จะไปเลี้ยงอยู่บริเวณกระเพาะอาหารทำให้สมองเราจะตื้อ นั่นถึงเป็นสาเหตุที่ทำไมเราถึงง่วงหลังจากมื้อเที่ยง ปกติหลังมื้อเที่ยงผมจะ Nap ที่โต๊ะเป็นเวลา 18 นาทีอยู่แล้วทุกๆวัน ยกเว้นบางวันที่ยุ่งมากๆหรือมีประชุมก็จะไม่ได้ nap
สรุปโดยรวมจาก 14 วันที่ทำ Fasting ก็คือไม่มีผลกระทบอะไรที่เห็นเด่นชัด ยกเว้นเรื่องการขับถ่ายที่อาจจะดูน้อยกว่าปกติ แต่ก็อาจจะเป็นเพี้ยนๆเพราะว่ามีอาการท้องเสียบ้างอะไรบ้างร่วมด้วย นอกเหนือจากนั้นก็ใช้ชีวิตได้เป็นปกติดีไม่มีปัญหา หรืออาจจะเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ก็เป็นคนร่างกายแข็งแรง ออกกำลังกายสม่ำเสมอด้วย อ้อ ช่วงที่ผมเริ่มทำ Fasting มานี่คือยุ่งมากกับงานต่างๆ เลยไม่ได้ไปออกกำลังกายเลย ถ้าได้ไปออกกำลังกายตามรอบปกติก็จะกินเยอะขึ้นกว่านี้ แล้วก็น้ำหนักจะลงเร็วกว่านี้เพราะเหมือนกับว่าเราได้ใช้พลังงานเยอะแต่เรากินน้อยลงไปมื้อนึง
สำหรับคนที่คิดจะทำ Fasting ก็แนะนำว่าถ้าร่างกายไม่ได้แข็งแรงสมบูรณ์ดีหรือ ป่วยออดแอด มีโรคอะไรซ่อน ก็อยากให้ลองปรึกษาแพทย์ดูก่อน เพราะว่าการทำ Fasting มันมีผลกระทบโดยตรงต่อร่างกายและระดับสารเคมีต่างๆของร่างกายเช่นเดียวกัน
เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่พูดได้ยากว่ามันดีหรือไม่ดี คือถ้าเราเคยได้ยิน เขาก็จะบอกว่ามื้อเช้าเป็นมื้อที่ดีที่สุด แต่ทางแพทย์บางคนก็เขียนหนังสือขายบอกว่ายิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี กินวันละมือด้วยซ้ำไป ก็เลยสรุปมันดีหรือไม่ดียังไง ตอบไม่ได้เหมือนกัน
แต่โดยส่วนตัวของผมเอง ที่เริ่มทำเพราะมีความคิดว่าถ้าเรากินอาหารน้อยลงเราจะมีอนุมูลอิสระในร่างกายน้อยลง ก็น่าจะช่วยชะลอความแก่ของเราลงไปได้ ผมก็ไม่ได้คิดด้วยหลักการอะไรที่มันยุ่งยากมันก็จะประมาณนี้แหละ