ฟัง success story มากันน่าจะเยอะ มาฟัง failure story บ้างดีกว่า ช่วงปีที่แล้ว ผมได้ลาออกไปตั้งบริษัทมาซึ่งผลเหรอครับ เจ็บตัวไปครับ แต่ว่าก็ได้เรียนรู้อะไรมาเยอะอีกพอสมควร เรื่องมันยาว แต่วันนี้ผมจะมาพูดเรื่องส่วนที่น่าจะเป็นประโยชน์ และประสบการณ์สอนน้องๆดีกว่า
หลังจากที่ผิดพลาด และหยุดทำไปหมดแล้ว ผมก็เอาเรื่องทั้งหมด ปรึกษาเพื่อนที่ไว้ใจได้ ซึ่งเค้าก็บริหารบริษัทระดับร้อยล้านอยู่ เค้าก็มองอย่างเป็นกลางว่า ปัญหานี้มันเริ่มต้นที่จุดเล็กนิดเดียว ก็คือ ไม่ได้คุยกันให้ถูกต้องอย่างที่ business ควรจะเป็น เพราะว่า เอาเรื่องส่วนตัวเข้ามาปน ผมเริ่ม งง เพราะว่าปกติผมจะเป็นคนแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากกันอยู่แล้ว ก็ไม่น่าจะมีปัญหาได้นะ
เค้าเล่าต่อว่า เพราะว่าตอนที่ผมเริ่มทำบริษัท จริงอยู่ว่า จัดตั้งกันอย่างถูกต้อง จดทะเบียน มีเอกสารหลักฐานกันอย่างถูกต้อง แต่ว่า เราขาดมุมมองเรื่องของ business side กันไป เพราะว่าเวลาที่คุยเรื่องส่วนแบ่ง ตอนนั้น ก็มองว่าเป็นเพื่อนพี่น้องกัน ก็มีความเกรงใจกันบ้างเล็กๆ แต่ท้ายที่สุด เมื่อไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด และเมื่อวันเวลาผ่านไป มีบททดสอบต่างๆเข้ามา ก็เป็นส่วนหนึ่งของประเด็นที่นำมาสู่เรื่องอื่นๆอีกมากมาย หรือว่า การแยกแยะ บริษัท กับส่วนตัวไม่ออก ก็นำมาสู่ปัญหาอีกมากมายเช่นกัน ทั้งหมดเหล่านี้มันเริ่มต้นจากเรื่องเล็กๆจริงๆ
มีเพื่อนมาปรึกษาว่า จดบริษัทกับน้อง และ แฟนของน้อง ผมก็แนะนำเค้าไปว่า ให้ระวังเรื่องนี้เพราะว่าผมพลาดมาก่อน ถ้าเรามองว่า พี่น้องกันไม่มีอะไรหรอก ใช่ครับ เมื่อวานที่เรายังเริ่มต้น หนักนิดเบาหน่อยเราช่วยกัน แต่วันนึงเกิดบริษัทมูลค่าสิบล้านบาท ได้มากน้อยกว่ากันไม่กี่ % นี่ อาจจะตัดพี่ตัดน้องกันได้เลยนะครับ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องจริงอีก ที่ผมเห็นมาหลาย case มาก เมื่อตอนเริ่มต้นนี่ร่วมหัวจมท้ายกันเลย แต่ตอนเจอหนักๆเข้านี่ แทบจะเลิกคบกันไปเลย ถึงกับแยกไปตั้งบริษัทมาแข่งเลยก็มีให้เห็นบ่อยๆ
ดังนั้น ก่อนจะเริ่มบริษัทกับใครสักคน หยุด แล้วจับมือกันจ้องตาอย่างจริงจังว่า นี่เรากำลังจะคุยเรื่องที่สำคัญ ทุกคน จะต้อง serious และจะต้องยึดถือผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลักแล้วเดินมาคุยกันเพื่อหาจุดที่ลงตัว นี่คือเรื่อง business ไม่ใช่พี่น้อง ไม่ใช่เพื่อนฝูง และเมื่อผ่านวันนี้ไปแล้ว เราจะไม่เอาเรื่องนี้มาคุยกันอีกต่อไป ให้เป็นหน้าที่ของเอกสารหลักฐานตามที่เราได้ตกลงกันเอาไว้เท่านั้น อะไรแบบนี้ครับ
ถ้าจัดตั้งกันแบบนี้ได้โอกาสจะล่มเพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆก็ลดลงครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าถามว่า ผมเข็ด และกลัวกับการตั้งบริษัทอีกครั้งหรือเปล่า บอกได้เลยว่า ไม่แน่นอน แต่ขอรอโอกาสจังหวะเหมาะอีกครั้งแล้วกัน ระหว่างนี้ก็สะสมพลัง ความรู้ และที่สำคัญ เงิน ก่อนครับ
ป.ล.ทุกวันนี้ทีมที่ตั้งบริษัทกันมาด้วยกันนั้น ก็คุยกันเหมือนเดิมครับ เป็นเพื่อนพี่น้องกันเหมือนเดิม แค่เราเข้าใจตรงกันว่าจุดนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่ฝัน และแยกย้ายกันไปเท่านั้นเองครับ