วันนี้ได้ไปร่วมพิธีศพของเพื่อนเมื่อตอนที่เรียน ป.ตรีด้วยกัน ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง อายุยังน้อยอยู่เลย 30 เท่านั้นเอง แต่ใจหนึ่งก็คิดว่า เพื่อนก็ได้ไปสบายแล้ว ไม่ต้องอยู่ต่อสู้โรคร้ายอีกแล้ว
เพราะว่าพ่อของภรรยาผมก็กำลังเป็นมะเร็งเช่นกัน เลยทำให้ได้ศึกษาเรื่องนี้เพิ่มขึ้นมาบ้าง แล้วก็ทำให้ได้รู้ว่า เป็นโรคที่น่ากลัวโรคหนึ่งเลย นั่นก็คือ หากคนที่เป็นแล้วได้รับการรักษาที่ช้า หรือไม่ถูกวิธีจะทำให้มีโอกาสเสียชีวิตในเวลาสั้นสูงมาก แต่ว่าหากรักษาได้ ก็ต้องดูว่าตอบสนองต่อการรักษาแค่ไหน เพราะถ้าไม่ตอบสนองเท่าไร โอกาศเสียชีวิตก็สูงเช่นกัน
ดังนั้นแล้ว ก็ทำให้ได้ปลงกับชีวิต และทำให้ต้องใส่ใจกับอาหารการกิน การออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพให้มากขึ้น เพราะว่าทุกอย่าง ก็ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการดื่มสุรา สูบบุหรี่ หรือว่ากินอาหารที่มากเกินพอดีบ่อยๆ
การไม่มีโรคนั้นเป็นลาภอันประเสริฐ ดูจะเป็นคำที่ต้องพึงสังวรทันที เมื่อเราป่วยหนักๆสักครั้งหนึ่ง แต่เมื่อยามที่เราไม่ป่วยเราก็ไม่ใส่ใจ (เค้าถึงได้ว่า ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา)
ผมเองช่วงก่อนหน้าที่ ก็พยายามออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ให้ได้สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ก็ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็พยายามแบ่งเวลาไปออกกำลังกายทุกครั้งที่มีโอกาส ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา ผมป่วย หลังจากที่สัมภาษณ์พนักงานรอบเช้าเสร็จก็ไข้ขึ้นทันทีเลย แล้ววันนั้นก็เบลอๆไปเลยก็พยายามประคองร่าง ให้ทำงานให้ได้จบวัน เพราะว่าช่วงนี้งานผมยุ่งมากๆ และวันรุ่งขึ้นก็จะเป็นวันหยุดเนื่องในวันแม่ด้วย ผมก็เลยใช้เวลาคืนนั้น นอนพักผ่อนให้มากกว่าปกติหน่อย แล้วเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่า อาการดีขึ้น แต่ก็มึนๆหัวหน่อยๆอีกสองวัน จากนั้นก็หายเป็นปกติ แต่ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา พี่ที่ office มีอาการไม่สบายเหมือนกัน ช่วงบ่ายลาไปหาหมอ แล้วก็หายไปอีกสองวันเลย จนชนเสาร์อาทิตย์พอดี อาการดีขึ้นแต่ช้าๆ เลยทำให้ผมคิดได้ว่า ดีแล้วที่ผมได้ออกกำลังกายเอาไว้ก่อนเพื่อสุขภาพตัวเอง เพราะว่าอย่างเคสรุ่นพี่ผมนี่เห็นเค้าเป็นแต่ละที recover นานมาก จนนึกว่าเป็นเรื้อรังไปแล้ว
สรุป เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ก็ผ่านไป ผมก็ได้แต่มองเพื่อนผมแล้วก็คิดในใจว่า คงไปสบายแล้ว เพราะได้ยินว่าครั้งสุดท้ายคือ ทำคีโมครั้งที่สอง แล้วก็จากไปในการทำคีโมครั้งที่สองนี้ ก็น่าจะไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว ส่วนคนที่ยังอยู่ก็ต้องดูแลตัวเองกันต่อไป เรื่องอาหารการกิน เรื่องสุขภาพ น้ำ อากาศ เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ ไม่มีใครที่ไม่มีเวลาครับ เพียงแต่ว่าเราจัดสรรเวลายังไงเท่านั้นเอง อย่างในตอนนี้ ผมก็จัดสรรว่า ทุกวันต้องเขียน blog วันละ 1 blog ไปเรื่อยๆ ไม่ว่าวันนั้นจะผ่านเรื่องอะไรมา จะร้อนหนาว งานหนักงานเบาได้มากน้อยแค่ไหนก็จะทำไปเรื่อยๆ นี่ก็ผ่านมา 14 วันต่อเนื่องแล้ว ก็ยังทำได้อยู่ (บางวันนี่เขียนไปหลับไปก็มี คือเหนื่อยมาก แต่ก็กัดฟันเขียนให้จบครับ) เพราะตั้งใจไว้แล้วก็ต้องทำให้ได้ และก็จะเพิ่มการออกกำลังกายให้มากขึ้น ส่วนเรื่องอาหาร ผมก็เริ่มดูแลเรื่องอาหารมากกว่าเมื่อก่อนมาระยะนึงแล้วครับ