Mix2 เป็นมือถือไร้ขอบจาก Xiaomi ซึ่งเป็นรุ่นที่ 2 แต่ของผม พิเศษตรงที่เป็น Special Edition ที่มันผลิตยากมากเป็นพิเศษ เพราะขึ้นรูปมาเป็น Ceramic ชิ้นเดียวเลยทั้งเครื่อง
ปกติ Xiaomi Mi Mix 2 จะแบ่งแยกเป็นสองรุ่นหลัก คือ รุ่นธรรมดา ที่เรียกว่า Evo กับรุ่น Special Edition ความต่างๆหลักๆ ก็คือ Special Edition นั้น จะขึ้นรูป body ด้วย Ceramic ชิ้นเดียวเลย ซึ่งต่างจากรุ่นปกติ ที่เป็น Ceramic ที่ฝาหลังเท่านั้น แต่ขอบรอบเครื่องเป็นอลูมิเนียมสีดำ
Special edition ก็แบ่งเป็น สีขาว กับสีดำอีก แต่ สีดำ จะมีสองรุ่นย่อย ก็คือ Black กับ Starck Edition ซึ่งเป็นผู้ออกแบบ Mi Mix 2 นั่นเอง
ที่ผมซื้อมาใช้เป็น Special Edition สีขาวครับ
เล่าเรื่องการขึ้นรูปด้วย Ceramic และ รายละเอียดของมือถือที่เป็น Ceramic นิดนึงแล้วกัน เพราะว่ามีคนพูดถึงกันน้อยมาก
Ceramic ที่ Xiaomi เลือกใช้ มันคือ microcrystal zirconium oxide ceramic ซึ่งความแข็งของมัน เป็นรองเพียงแค่ เพชร กับ Sapphire เท่านั้น ดังนั้น มีดขูดไม่เป็นรอยนะครับ แต่ iPhone 7 ที่มีฝาหลังเป็นกระจก เอามีดขูดแล้วเป็นรอยได้ครับ แต่ว่า สิ่งที่มาพร้อมกับความแข็งก็คือ ความเปราะครับ ถ้าตกกระแทกรุนแรง มันจะมีอาการแตกร้าวเหมือนอย่างหน้าจอแตกประมาณนั้นครับ
ปกติแล้ว วัสดุที่ใช้ทำมือถือจะมี พลาสติก โลหะ (เช่นอลูมิเนียม) แต่ Xiaomi เลือกใช้ Ceramic และไม่ใช่แค่เอามาทำฝาหลัง แต่เอามาทำทั้งเครื่อง (ที่เรียกว่า unibody คือชิ้นเดียวทั้งเครื่อง) ซึ่งนั่นนำมาสู่ปัญหาใหญ่กว่า ก็คือ เรื่องต้นทุนการผลิต เพราะการผลิตออกมาเป็น Ceramic ทั้งเครื่องแบบไร้รอยต่ออย่าง Mix 2 special edition นี้ ทำให้ราคาต้นทุนของตัวเครื่อง สูงกว่ารุ่นปกติ 75% ! เป็นเพราะว่า ขั้นตอนการผลิต ที่มีถึง 16 ขั้นตอน ใช้เวลาการผลิตทั้งหมด (เฉพาะตัว body อย่างเดียว)ประมาณ 10 วัน ทำให้อัตราการผลิตสำเร็จ มันต่ำมาก คือ ของเสียเยอะ เพราะทำยากว่างั้นเถอะ แต่ xiaomi ก็กล้าที่จะทำมันครับ (ครับ และผมก็กล้าที่จะซื้อด้วยเช่นกัน แม้ว่ามันจะแพงกว่ารุ่นปกติมากกกกกก)
ราคาขาย รุ่นปกติ Ram 6GB ถ้าได้ Rom 128GB ค่าตัวจะประมาณ 19,000 บาท แต่ว่า Special Edition มี Spec เดียวคือ Ram 8GB และ Rom 128GB เท่านั้น ค่าตัวตอนที่มีคนเอามาขายใหม่ๆประมาณ 27000 บาทเลย ถือว่า ไม่ธรรมดากับมือถือจีน ในราคาเฉียด 3 หมื่นบาท (ตอนนี้ราคาลงมาเหลือประมาณ 26xxx บาทแล้วครับ) แต่อย่างไรก็ถูกกว่า iPhone แน่นอน ฮ่าๆๆๆ (เมื่อเทียบ spec ต่างๆ และ ความเฉพาะตัว โดยเฉพาะ ceramic)
สำหรับการใช้งาน ผมมองว่า Ram 6GB นี่คือ fit พอดีคนทั่วไปใช้งานเลย ก็คือ โดยปกติ Android จะบริโภค ram ประมาณนั้น (อ้างอิงจาก ram ที่เหลือ เวลาใช้งาน Ram 8GB จะเหลือประมาณ 2GB โดยเฉลี่ย ขึ้นอยู่กับว่าใช้หนักแค่ไหน) โดยผมเป็นคนที่ใช้หนักประมาณหนึ่ง คือ ใช้ application หลากหลายสลับไปมา ในการทำงานครับ แต่ว่าไม่ได้เล่นเกมส์ครับ ดังนั้น Ram 8GB จึงจะมีส่วนที่เหลือด้วย ซึ่งมันก็มีข้อดีข้อเสียครับ ข้อดีก็คือ มันจะยังทำให้เครื่องเร็วกว่า และ ประหยัดแบตกว่าการอ่านข้อมูลจาก Rom ข้อเสียคือ แพงครับ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
เนื้อที่คงเหลือ หลังจากติดตั้งเครื่องใหม่ ติดตั้ง app และใช้งานไปเล็กน้อย ประมาณสองวัน แบบประมาณว่า setup เครื่องจนอยู่ตัวพร้อมใช้แล้ว ก็มีเนื้อที่คงเหลือ 113 GB ก็ถือว่าเหลือเยอะให้ใช้งานได้อีกนานเลย เพราะว่าปกติผมใช้เครื่อง 32GB นานเป็นปีๆ กว่าจะเต็ม นี้ได้มาขนาดนี้ ได้อีกหลายปีเลย
ส่วน CPU ก็เรียกได้ว่าเป็นตัว Top อยู่แล้ว ก็ไม่พูดถึงอะไร ข้ามไป
Battery แม้ว่าหน้าจอ 5.9นิ้ว ที่ถือว่าใหญ่โตมาก แต่ว่าใช้งานจริงก็ได้ทั้งวันโดยไม่ต้องชาร์ทระหว่างวันครับ กลับบ้านก็เหลืออย่างน้อย 20% แน่นอน ขึ้้นอยู่กับว่าหนักหน่วงขนาดไหน โดยหลักๆ เครื่องก็ใช้ไปกับหน้าจอนี่แหล่ะครับ สำหรับผม เคยเหลือกลับบ้านต่ำสุด 40% แบบไม่ได้ชาร์ทเลยหลังจากออกจากบ้าน
ความร้อน ก็ไม่รู้ว่าเป็นข้อดีข้อเสีย ที่ เซรามิค กระจายความร้อนได้ดีมาก ดังนั้น คุณจะรู้สึกได้ว่าเครื่องอุ่นเร็วมาก และอุ่นทั่วทั้งเครื่อง เพราะว่ามันกระจายความร้อนออกจากจุดสำคัญๆไปตาม body และด้วยคุณสมบัติของ ceramic ที่กระจายความร้อนได้ดี ทำให้ทั่วทั้งเครื่องอุ่นโดยทั่วๆกัน แต่ ด้วยความที่มันกระจายความร้อนได้ดี เร็ว เป็นวงกว้าง ทำให้เครื่องคายความร้อนได้เร็วมาก ไม่อมความร้อน และเครื่องจึงไม่ร้อนในระดับที่ไม่สบายมือ แค่เราใช้งานเครื่องหนักๆ แล้วทิ้งเครื่องไว้สักพักนึง แล้วกลับมาจับ จะรู้สึกอุ่นๆได้ ส่วนเวลาใช้งานหน้าหนาว หรือห้องแอร์ แล้ววางเครื่องทิ้งเอาไว้แล้วมาจับ จะรู้สึกว่าเครื่องเย็นเฉี้ยบเลยล่ะ เพราะมันเป็น ceramic นั่นเอง
ceramic กับรอย ต้องบอกว่า แม้ว่ามันแข็งก็จริง แต่ว่ามันมีการเคลือบมันวาวเอาไว้นะครับ ทำให้มันขีดไม่เป็นรอย แต่ว่า ผิวที่เคลือบมันอาจจะเป็นรอยได้จากการใช้งานทั่วไปนะครับ อย่างของผมตั้งแต่ได้เครื่องมา ก็ไม่ได้ติด film ไม่ได้ใส่เคส ใช้ประมาณ 1 อาทิตย์เศษๆ ก็มีรอยขูดบ้างจางๆ ที่ body เลย เข้าใจว่าน่าจะขูดกับเศษหินในตอนที่ใส่กระเป๋ากางเกงครับ (ทุกที่รอบตัวเรามีฝุ่น เศษหิน ดินอยู่ทั่วไปครับ) แต่ว่าด้วยความที่เป็นสีขาว ทำให้มองไม่เห็นครับ มันจะยังคงขาวเนียนเหมือนใหม่อยู่แบบนั้นแหล่ะ และมันจะดูเงาอยู่เสมอ ถ้าจะให้เห็นรอย ต้องสะท้อนกับแสงไฟเท่านั้นจึงจะเห็นว่ามีรอยจางๆ
เหลืองมั้ย หลายคนกลัวว่ามือถือขาวๆจะเปลี่ยนเป็นเหลือง ผมก็ไม่รู้นะครับ แต่ค่อนข้างมันใจว่า ceramic จะไม่เหลือง (ลองนึกถึงจาน ceramic สีขาวที่เคลือบเงาที่บ้านดู) หรืออย่างน้อยที่สุด มันไม่เหลืองก่อนเวลาที่เราเปลี่ยนเครื่องใหม่แน่นอนครับ ดังนั้นเรื่องนี้ตัดไป
หน้าจอ xiaomi mi mix รุ่นแรก ถือว่าเป็นรุ่นบุกเบิกของ standard หน้าจอ 18:9 เลยก็ว่าได้ ที่เป็นเช่นนั้น เพราะก่อนนั้น Android standard ไม่มีมาตรฐานนี้มาก่อน แต่ Xiaomi เค้าไปเจรจามา ก็ยื้อกันไปมาอยู่นาน แต่ในที่สุด Android ก็ยอมปรับมาตรฐาน เพื่อให้ได้มีมือถือ 18:9 ออกมาได้ แล้วบอกเลยว่า หลังจากที่ Xiaomi ออกหน้าจอ 18:9 มาใน Xiaomi mi mix รุ่นแรกแล้ว ยี่ห้ออื่นๆ ออกตามมากันอีกหลายรุ่นมากๆ พร้อมกับคำโฆษณามือถือไร้ขอบอีกด้วย เพราะ 18:9 มันเหมาะสมที่จะทำแบบนั้น มากว่า 16:9 นั่นเอง เลยทำให้รู้สึกได้ว่า หน้าจอมันจะยาวๆกว่าทั่วไป
เปราะแค่ไหน อย่างที่บอกว่า ceramic แข็งแรงแต่เปราะ ผมก็คงไม่กล้าทดสอบนะครับ แต่ว่า มันก็ไม่เปราะแบบนั่งทับแตก แต่ถ้าเป็นไปได้ เราก็คงไม่อยาก นั่งทับ หรือทำมันตกหรอก เท่าที่มีคนทำเอาไว้ มันก็แข็งระดับหนึ่งเลยนะ อันนี้ drop test บนโลหะแข็ง https://www.youtube.com/watch?v=8D884SqIXho 1.3 เมตร มันก็จะบิ่นๆหน่อย แต่ไม่พัง, อันนี้บนซีเมนต์แข็งๆ https://www.youtube.com/watch?v=r0mGUWDzbIE มีแตกบิ่นที่มุมครับ
OS เอาจริงๆมั้ย เป็นเรื่องเดียว ที่ผมไม่เคยสนใจเวลาจะซื้อ Xiaomi phone เพราะว่า Xiaomi phone เนี่ยเค้าดูแลเรื่อง OS ดีมาก ดีเวอร์ ผมจำได้เครื่องแรกที่ซื้อคือ Xiaomi 2 (ก่อนจะมี 2s) ได้รับ update OTA มานานหลายปีมาก เฉียดๆ 5 ปีนับตั้งแต่เริ่มขายวันแรก ผมนี่ งงมาก จะดูแลดีกันไปถึงไหน แล้วรุ่นอื่นๆที่ซื้อภายหลัง ก็ไม่แตกต่างกันก็คือ update rom กันมาเรื่อยๆด้วยเหมือนกัน จากวันแรกถึงปัจจุบัน update มาไกลมาก ดังนั้นผมไม่ค่อยห่วงเท่าไรเรื่องนี้ ส่วน Mi Mix2 ที่ได้มาเป็น Android 7.1.1 กับ MIUI Global 9.1 ครับ
จบเพียงเท่านี้ สำหรับ Mi Mix 2 Special Edition สีขาว unibody ceramic สำหรับใครที่ใช้งาน xiaomi mi mix 2 ก็มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้นะครับ แต่น่าจะหาค่อนข้างยากอยู่ เพราะมันแพงครับ (ตัวที่เป็น standard มันก็แพงเหมือนกัน เพราะไปซื้อ xiaomi mi 6 ได้เลย ซึ่งเป็นมือถือตัวทำตลาดหลักของ xiaomi)
One thought on “เล่าเรื่อง Xiaomi Mi Mix 2 Special Edition แบบใช้งานจริง”