ผมมักจะหาเวลาไปออกกำลังการเรื่อยๆ แต่ว่าช่วงที่ผ่านมา เป็นช่วงที่งานที่บริษัท ไม่สามารถกำหนดอะไรได้เลย ว่าจะดีจะร้ายขึ้นมาเมื่อไร ส่งผลให้ ต้องไปทำงานเช้า กลับดึกทุกคืนต่อเนื่อง 2-3 สัปดาห์ จึงไม่มีโอกาสได้เข้า Fitness เลย
เมื่อกลับมาเข้า fitness อีกครั้ง เพราะว่าพอจะจัดเวลาได้ ก็พบว่า ร่างกายไม่พร้อมอย่างรุนแรง คือเล่นได้ไม่นาน ก็มีอาการหน้าจะมืด และหายใจถี่ พักแล้วก็ไม่ค่อยดีเท่าไร ก็เลยต้องรีบเลิกก่อน ปกติเล่นได้ 1-2 ชั่วโมงสบาย แต่คราวนี้เล่นไปไม่ถึงชั่วโมงเลย รีบเผ่นก่อนละ เดี๋ยวเป็นลม
กลับมาสำรวจตัวเอง พบว่าตัวเองก็ไม่ค่อยพร้อมอยู่แล้ว เพราะว่าช่วงที่ผ่านมา นอนค่อนข้างน้อย ประมาณ 5 ชั่วโมงกว่าเท่านั้น และ deep sleep ก็น้อยด้วย (การนอน deep sleep เค้าบอกว่านั่นคือการที่เราจะได้หลับจริงๆ) ส่งผลให้ไม่มีเรี่ยวแรงสำหรับไปออกกำลังกาย แล้วมีอาการเหมือนจะป่วยนิดๆ คือมึนๆด้วย เลยไปกันใหญ่เลย
เลยได้แต่มองย้อนกลับไปแล้วพบว่า ไม่น่าเว้นช่วงการออกกำลังกายเลย เพราะว่ามีสิ่งที่ตามมาอีกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นร่างกายที่อ่อนเพลีย อ่อนแอ มีอาการเหมือนคนจะป่วย พอไปออกกำลังกายอีกครั้ง ก็ไม่ไหว ไม่มีแรงอีก และตอนนี้ภรรยาก็ทักแล้วว่า แขนเริ่มหายไปละ (หมายถึงกล้ามไม่ใหญ่เหมือนอย่างที่เคยมี)
หลังจากนี้ ก็คงต้องจัดเวลาใหม่อีกครั้ง เริ่มจากการรักษาตัวเองก่อน เพื่อให้ร่างกายพร้อมก่อน นอนให้มาก ดื่มน้ำให้เยอะ หายใจยาวๆ กินอาหารที่มีประโยชน์ จากนั้น เมื่อพร้อมก็จัดเวลาไปออกกำลังกายในลำดับต่อไป สุดท้ายก็น่าจะดีขึ้น
แต่ว่าจากการที่ผมไปออกกำลังกายมาในครั้งที่เล่าให้ฟังนี้ พบว่าได้ข้อดีอย่างหนึ่งกลับมา ก็คือ ในช่วงนั้นสมองรู้สึกเฉื่อยชา และไม่อยากทำงาน ไม่อยากทำอะไรเลย แต่พอได้ไปออกกำลังกายกลับมาแล้วพบว่า สมองกระชับกระเฉงขึ้น แล้วพร้อมสำหรับทำงานมากขึ้น คิดอะไรใหม่ๆได้มากขึ้น นี่ก็น่าจะเป็นข้อดีอีกอย่างหนึ่งสำหรับพวกบ้างาน ที่ควรจะไปออกกำลังกายด้วยสินะ
ผมก็ฝากไว้ถึงคนที่อ่าน ไปออกกำลังกายเถอะครับ อาทิตย์ละสองวันก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย ให้เลือดเราได้สูบฉีดไปเลี้ยงส่วนต่างๆทั่วร่างกาย สมอง กล้ามเนื้อ อวัยวะภายใน เพื่อให้ทุกส่วนทำงานได้ดีขึ้น เพราะร่างกายเราไม่มีเสียง ดังนั้นช่วงที่ไม่ดี ร้องบอกเราไม่ได้หรอก แต่ถ้ารอจนอาการออกแล้ว นั่นคือเริ่มจะสายไปแล้วนะครับ