ปัจจุบัน และ อนาคตของ eCommerce ไทย

current and future thai ecommerce

ไม่พูดเรื่องนี้เห็นทีจะไม่ได้ จากที่ผมอยู่ในสายงาน eCommerce มา 6 ปี เรียกได้ว่าเป็นคนกลุ่มแรกๆที่เริ่มทำอย่างจริงจัง ผ่านมาจนถึงวันนี้ ผมขอเล่ามุมมองจากของผมนะครับ อ่านต่อ… “ปัจจุบัน และ อนาคตของ eCommerce ไทย”

เมื่อ business team เข้าใจ business direction งูๆปลาๆ งานออกมาไม่ปัง แต่พัง

business direction

เจ็บจี้ด เมื่อ Business team ถูกแทงใจดำ “ถ้าคุณคิดว่า Business direction คือการ shopping feature จากเว็บต่างๆที่ทำไว้ดี นั่นไม่ใช่ Business direction อย่างที่คุณเข้าใจ” เป็นคำที่ CTO พูดออกมาเมื่อตอนที่ผมได้ประชุม update รายละเอียดงานด้วยกัน อันเนื่องมาจากจะมีการเปลี่ยนแนวทางการทำธุรกิจใหม่ในช่วงเวลานี้

ไม่ผิดปกติ ถ้า Business team จะเปลี่ยน direction ของธุรกิจ แต่การที่จะทำ Project ใหญ่ๆสักงานหนึ่งให้ออกมาดี ที่จะต้องใช้คน เงิน เวลา อย่างมากแล้วล่ะก็ เค้าก็จำเป็นที่จะต้องสร้าง Business direction ขึ้นมาอย่างละเอียดด้วย แต่จากยุคที่เทคโนโลยีเชื่อมต่อกันเร็ว ทำให้การเข้าถึงตัวอย่างต่างๆทำได้ง่าย business team ก็เลยเล่นง่ายด้วยการสร้าง business direction มาจากการลอกสิ่งที่ดีๆมาจากต้นฉบับที่เค้าทำเอาไว้ดี เหมือนกับถ้าเราอยากทำเว็บขายสินค้า เราก็เปิดมาเลย amazon, lazada และเว็บอื่นๆจากประเทศต่างๆที่เค้าทำเอาไว้ได้ดี แล้วก็จิ้มว่า อันนี้ของเว็บนี้ดี อันนั้น ของเว็บนู้นดี ดี ดี ดี ดี ดี เลือกออกมา สมมุติได้มาประมาณ 100 อย่าง ครบทุก feature ของทั้งเว็บขายสินค้าที่อยากได้ แล้วก็ส่งให้ทีม IT นี่ไง คือสิ่งที่ฉันอยากได้ทั้งหมด

CTO ผู้อ่านเกมขาดก็ได้แต่พูดสั้นๆว่า สิ่งที่คุณเห็น มันเป็นเพียงแค่สิ่งที่ดี (ณ ตอนนี้) สิ่งที่อยากได้ในตอนนี้ สมมุติว่าเราเอามาทำแล้ว อีก 3 เดือนมัน out date ล่ะ คุณเปลี่ยนใจไม่เอาแล้ว เค้ามีสิ่งใหม่ที่ดีกว่าล่ะ เราก็ต้องเปลี่ยนใช่หรือไม่ ทั้งๆที่งานยังทำไม่เสร็จเลยด้วยซ้ำ แล้วมันจะถึงเป้าหมายคุณได้อย่างไร ในเมื่อคุณเอาแต่เปลี่ยนมันไปมาอยู่เรื่อยไป ทั้งหมดมันไม่ได้เรียกว่า business direction หรอกนะ business direction คือสิ่งที่เราฉายภาพไปในอนาคต ว่าเป็นสิ่งที่เราต้องไปให้ถึง จุดนั้นมันจะต้องประกอบด้วยอะไร (ไม่ได้หมายถึง feature แต่หมายถึงสิ่งต่างๆที่นิยามได้ เช่น เราต้องมีฐานลูกค้า x คน เราได้สร้างรายได้ x บาทต่อเดือน) เราจะวัดผลมันได้อย่างไร (ถ้าระบุเงื่อนไขการคำนวนเอาไว้ด้วยก็ดี) แล้วภายในระยะเวลาเท่าไร นี่ต่างหากคือ business direction ที่แท้จริง ส่วนเรื่องเครื่องมือ ระบบ feature มันเป็นองค์ประกอบรอง ซึ่ง business ไม่ต้องคิดก็ได้ เป็นหน้าที่ของ Technical team ที่เอามาทำความเข้าใจแล้วหาเครื่องมืออะไรเพื่อตอบโจทย์ให้มากที่สุด แล้วหลังจากนั้นก็ทำงานร่วมกัน ในการพัฒนาเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย

นั่นต่างหากคือสิ่งที่เรียกว่า ‘Business Direction’ ถ้าหากหลงทางอยู่ ก็ขอให้ทำความเข้าใจมันใหม่ด้วย