อ่านหนังสือวันละ 25 หน้า เดือนที่ 2 จบอีก 3 เล่ม

สร้างนิสัยการอ่าน ง่ายๆ

การทำบางสิ่งง่ายๆ แต่ต่อเนื่อง กับการอ่านหนังสือ แค่วันละ 25 หน้า เดือนที่ 2 นี้ อ่านจบ 3 เล่ม เพราะมีช่วงหยุดอ่านไป 9 วัน

นี่เป็นเดือนที่ 2 ที่ผมเริ่มทำสิ่งง่ายๆ ที่เราทำได้และทำทุกวันเพื่อให้ประสบความสำเร็จในชีวิต เรื่องหนึ่ง ก็คือการอ่านหนังสือ แค่วันละ 25 หน้าเท่านั้น จากปกติที่ไม่ได้อ่านเลย อ่านเพิ่มเติม อ่านหนังสือแค่วันละ 25 หน้า เดือนเดียวจบไป 5 เล่ม! ตอนนี้ก็เป็นเดือนที่ 2 แล้ว สรุปว่าเดือนนี้ผมอ่านได้เพิ่มอีก 3 เล่ม เพราะว่าช่วงสงกรานต์ ที่รู้สึกขี้เกียจขึ้นมา แล้วก็หยุดไปเฉยๆเลย

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมได้เรียนรู้ก็คือ เมื่อเราเริ่มมีวันที่พลาด วันต่อมาเราจะไม่อยากทำมันอีก เหมือนกับว่าเราอยากพัก ไหนๆก็พลาดแล้ว ก็พลาดไป ดังนั้น กลายเป็นผมหยุดอ่านไป 9 วันรวด! จนคิดว่า ไม่ได้การแล้ว ถ้าเรายังหยุดอ่านอย่างนี้ต่อไป เราจะเลิกอ่านตลอดไปแน่นอน แล้วก็จะกลับไปสู่วังวนเหมือนเดิม ก็เลยฮึดขึ้นมา แล้วก็ทำอย่างจริงจังเลย จากวันที่เริ่มอ่านอีกครั้ง ก็อ่านมาได้ต่อเนื่องเช่นเดิม

ดังนั้น ใครที่กำลังสร้างนิสัยดีๆให้ตัวเอง อย่าเลิก อย่าหยุด อย่าพัก นั่นมันก็คือต้องมีวินัยนั่นเอง

การผลัดวันประกันพรุ่ง เอาไว้ให้สำหรับผู้แพ้เท่านั้น

ถ้าคิดว่ามันยาก แปลว่าเป้าคุณตั้งยากไป มันทำไม่ได้ทุกวัน เช่นตั้งใจอ่าน วันละ 100 หน้า นั่นคือ ครึ่งนึงของหนังสือบางเล่มเลย ถ้าเป็นคนที่มีเวลามากจริงอาจจะทำได้ แต่ได้ทุกวันหรือเปล่า? ดังนั้น คุณต้องกำหนด target ใหม่ ว่าวันละเท่าไรแน่ ที่รู้สึกว่าทำได้ง่ายๆ ทำได้แน่ๆ แต่ไม่ง่ายเกินไป เช่นการตั้งว่าอ่านหนังสือวันละ 5 หน้า แค่เดินไปหยิบหนังสือ ยังใช้เวลามากกว่านั้นเลย แล้วเรื่องทีอ่านก็ไม่ต่อเนื่อง ไม่ค่อยได้อะไรแน่นอนครับ

และตอนนี้ผมก็เพิ่มเติมอีกเรื่องคือ การฝึกภาษาอังกฤษเพิ่ม เนื่องจากภาษาอังกฤษของผมอยู่ในระดับที่สื่อสารได้ ฟังได้ พูดได้ แต่ไม่ได้ดีมาก คือเรียกว่า อยู่ในระดับเอาตัวรอดได้แหล่ะ แต่ไม่ fluent และนี่จะเป็นอุปสรรคอันหนึ่งในการเติบโตของผมอีก เพราะว่าผมอยู่ในระดับ management แล้ว เรื่องภาษาจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ผมก็เลยสร้างนิสัยใหม่ด้วยการฝึกภาษาอังกฤษทุกวัน วันละ 20 นาที อันนี้้ต้องดูกันต่อไป ว่าจะเลิกมั้ยทำได้แค่ไหน แต่จะพยายามตั้งใจทำให้ดีที่สุด เพราะมันจะดีกับตัวเองจริงๆ

ถ้าคุณอยากเป็นคนหนึ่งที่พัฒนาตัวเอง ลองมองหาสิ่งที่ทำได้ง่ายๆ แต่มั่นใจว่าทำได้ทุกวันมาทำดูอย่างต่อเนื่องนะครับ เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นอีกระดับหนึ่งเลย (อ้อ ขอให้สิ่งนั้นเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบของเป้าหมายคุณในอนาคตด้วยนะ บางคนตั้งใจทำบางเรื่องมากเลย แต่ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับตัวเองหรือ คนอื่นเลย อันนี้ก็ไม่ควร)

อ่านหนังสือแค่วันละ 25 หน้า เดือนเดียวจบไป 5 เล่ม!

read a book everyday make a big thing

หลายคนรู้อยู่แล้ว การอ่านหนังสือจะช่วยพัฒนาความรู้ของตัวเองได้มาก แต่หลายคนก็อ่านแล้วไม่เคยจบสักที หรือ ตั้งใจจะอ่านให้ได้เดือนละหนึ่งเล่ม สุดท้าย ก็ทำได้แป้บๆ ก็เลิก ผมมีวิธีที่เรียบง่ายมากๆ มากจริงๆ ที่เราทำมันได้ง่ายๆ สุดท้ายมาสร้างผลที่ยิ่งใหญ่ให้เรามาก ผมลองทำเอง ก็อ่านจบ 5 เล่มในเดือนเดียวเลย อ่านต่อ… “อ่านหนังสือแค่วันละ 25 หน้า เดือนเดียวจบไป 5 เล่ม!”

มนุษย์เงินเดือนแบบต่างๆ และการปรับปรุงตัว เพื่อพัฒนาตัวเอง

improve-yourself-salary-man

ตอนนี้ผมต้องบริหารลูกน้องเป็นจำนวนมาก ซึ่งผมก็จะพอมองออก ว่าแนวทางของแต่ละคนทำงานเป็นอย่างไร แล้วเค้าเหล่านั้น ควบคุมลูกน้องของตัวเองเป็นอย่างไร รวมถึง มีการพัฒนาตัวเองได้อย่างไรก็ ก็จากการตอบสนองเวลาทำงานด้วยกันนี่แหล่ะ

นักศึกษา

บางคน ปรับปรุงตัวทุกครั้งที่ผมแนะนำ ผมถือว่าคนเหล่านี้คือคนที่น้ำไม่เต็มแก้ว พร้อมให้เติมตลอดเวลา และปรับตัวเข้ากับสถานการณ์การทำงานได้ทุกรูปแบบ ทุกบริษัทที่เค้าทำงาน คนแบบนี้ ถ้าอยู่ถูกที่ จะโตเร็วมาก

นักเถียง

บางคน ที่จะเถียงตลอด ซึ่งผมชอบเหมือนกัน เพราะเป็นคนที่กล้าออกความเห็น และความเห็นก็อาจจะนำไปซึ่ง solution ใหม่ที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ แต่หลังจากนั้น จะแสดงออกทางพฤติกรรมเป็นสองแบบ หนึ่งคือ เถียงแล้วก็ไม่ฟัง ยังคิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดถูก ซึ่งท้ายที่สุด ผลออกมาคคือตัวเองคิดผิด คนแบบนี้ ย่ำอยู่กับที่แล้ว เพราะน้ำเต็มแก้ว เข็นให้โตยาก จะโตได้ด้วยตัวเองเท่านั้น (ทำงานแบบไม่มีเจ้านาย) กับ สองก็คือ เถียง เพื่อหาข้อสรุป แล้วดำเนินการตามข้อสรุป จนได้ผลออกมาอย่างที่ควรจะเป็น คนแบบนี้ ถ้าได้อยู่บริษัทฝรั่งจะเหมาะมาก โตเร็วแบบพุ่งกระฉุดเลย เพราะถือว่าเป็นคนที่มีความคิด กล้าเสนอ idea (ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ไม่เป็นแบบนี้)

นักค้าน

บางคน จะเอาชนะ เถียงอย่างเดียว รับฟังในสิ่งที่ตรงกับที่ตัวเองคิด และสนับสนุนแต่สิ่งที่ตัวเองคิดเพียงอย่างเดียว ที่เหลือ ค้านหมด ไม่ใช่ค้านเพื่อนำเสนอ แต่ค้านเพื่อหักล้างอย่างเดียว คนแบบนี้เป็นคนที่ไม่น่าร่วมงานด้วย เพราะว่า ไม่ทำให้บริษัทก้าวหน้า ยังเป็นตัวฉุดรั้งบริษัทอีกต่างหาก

นักเรียน(ที่ไม่รู้จักจำ)

บางคน ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถ้าเป็นเรื่องใหม่ ไม่รู้เรื่องนั้นไม่แปลก ก็ต้องผ่านการเรียนรู้ การสอน การแนะนำ แต่หลังจากนั้น ก็ยังไม่รู้เรื่องอีก ในเรื่องที่เคยบอกไปแล้ว ต้องให้คนมาสอนซ้ำๆ คนแบบนี้ต้องระวัง เพราะว่าจะไม่ผ่าน probation เอาได้ง่ายๆ

นักสู้(แล้วก็ถอย)

บางคน ทำงานไปในแบบที่รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง คนไหนสอนอะไรมาก็จำบ้าง ไม่จำบ้าง ทำๆหยุดๆ เดี่ยวฟิตเดี๋ยวหยุด หาความสม่ำเสมอไม่ได้ แบบนี้ จะ performance ดีเป็นช่วงเวลา แต่ผลรวมออกมาคือ ให้ทำงานได้แต่ไว้ใจไม่ได้

ทั้งหมดนี้ ให้ลองพิจารณาตัวเองดูว่าเข้าข่ายข้อไหน ถ้าเป็นข้อที่ไม่ดี ก็ให้รีบปรับปรุงตัวได้เลย โดยผมก็มีสูตรสำเร็จในการปรับปรุงตัวมาบอกด้วย ไม่ยากครับ

วินัย

ถ้านึกไม่ออกว่า อย่างไรคือมีวินัย ให้ลองนึกถึงทหาร ที่ต้องตื่นตรงเวลา ทำกิจวัตรต่างๆอย่างมีแบบแผนที่ตายตัว (เวลาที่ฝึก หรือไม่ได้ออกรบ) เพราะวินัยจะเป็นตัวขับเคลื่อนพฤติกรรมอีกหลายอย่างที่ดีและไม่ดี แต่ว่าเป็นสิ่งพื้นฐานที่ต้องมีเลย การจะทำตัวเองให้มีวินัยก็ง่ายมาก แค่พยายามตื่นให้ตรงเวลาทุกวัน หรือ นาฬิกาปลุกปุ้บ ลุกปั้บ หรือว่าพยายามเข้านอนให้ตรงเวลาทุกวัน (ย้ำว่าพยายาม เพราะชีวิตแต่ละคนแต่ละวันไม่เหมือนกัน)

จัดตารางชีวิต

นึกถึงสมัยเรียนที่คุณครูบอกให้จัดตารางสอน ก็แบบนั้นแหล่ะครับ เราต้องจัดตารางชีวิตเราเพื่อให้รู้ว่า ช่วงเวลาไหน จะต้องทำอะไร และถ้าจะให้ดี ควรระบุเอาไว้ด้วย ว่าสิ่งที่เราควรจะได้จากช่วงเวลาเหล่านั้นคืออะไรบ้าง ถ้าเราจัดโดยที่เราไม่รู้เป้าหมาย เมื่อถึงเวลาเราก็ไม่อยากทำ เพราะไม่รู้ว่าทำไปทำไม สิ่งนี้ จะได้วินัยเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดขึ้นได้จริง

มีสติ

คนส่วนใหญ่เลย ใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีสติอยู่กับตัว เพราะวันหนึ่งความคิดคนเรามีมาก 50000-60000 เรื่องต่อวัน จิตเราก็เลยคิดไปเรื่อยๆ ถึงเรื่องที่ทำงาน ที่บ้าน ครอบครัว เงิน งาน เพื่อน เที่ยว ฯลฯ ตลอดทั้งวัน แล้วอย่างยิ่งเวลาที่เรานัดเพื่อน เพื่อกินอาหาร แล้วพูดคุยกัน ช่วงเวลานั้นก็จะยิ่งฟุ้งซ่านไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมากขึ้นไปอีก ทำให้เรายิ่งขาดสติไปอีก (ยังไม่นับเครื่องดื่ม แอลกฮอลล์อีกนะ) เพราะจิตเราก็คิดแต่จะนินทาว่าร้ายคนอื่นไปเรื่อยๆ แต่หากมีสติ พิจารณาแล้วเราจะรู้ว่า เวลานั้นเราเปลี่ยนไปทำประโยชน์อย่างอื่นให้กับเราจะดีกว่ามากๆ ตรงนี้ วิธีการก็คือ ให้เราพยายามระลึกถึงตัวเอง ว่าตอนนี้เรากำลังทำอะไรอยู่ ทั้งๆที่เรากำลังทำสิ่งนั้นนั่นแหล่ะ เช่น เราแปรงฟันอยู่ บอกกับตัวเองอย่างนั้น เรื่อยๆ ในเวลาที่เราแปรงฟัน เพราะหลายคน เวลาแปรงฟันจะเป็นเวลาที่ฟุ้งซ่านมาก พยายามระลึกตัวเองให้ได้ตลอดทั้งวัน ง่ายๆแค่นี้เราก็เป็นคนที่มีสติขึ้นแล้ว

ง่ายๆแค่สามข้อนี้แหล่ะ ที่จะทำให้เราพัฒนาตัวเองขึ้นได้มาก และจะประสบความสำเร็จได้อย่างไม่ยากเลย และฝากเอาไว้คำนึง

จงเปลี่ยนตัวเองซะ ก่อนที่บริษัทจะบังคับคุณให้เปลี่ยน(งาน)

ลืมทำงาน แก้ได้ง่ายๆ

dont forgot task anymore

คงจะดีถ้าเราสามารถทำงานทุกอย่างได้โดยที่ไม่ตกหล่น หน้าที่การงานเราน่าจะก้าวหน้าขึ้นอย่างแน่นอน แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น เราต้องเป็นคนที่บริหารจัดการตัวเองให้ได้ก่อน

งานที่ได้รับมอบหมาย ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ

งานใดก็ตามที่เราได้รับมอบหมายให้ดำเนินการแล้ว โดยเฉพาะงานที่เราได้รับปากไปแล้วว่าจะสำเร็จ จำเป็นจะต้องดำเนินการให้ครบทุกงาน ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรก็ตาม หรืออย่างน้อยที่สุด เราก็ต้องได้พยายามแล้ว และพบว่ามันไม่สำเร็จจริงๆ ด้วยเหตุผลที่มีน้ำหนักเพียงพอ อ่านต่อ… “ลืมทำงาน แก้ได้ง่ายๆ”

คุณกำลังทำงานเป็น Worker หรือ Partner

partner or worker

เรื่องนี้ผมสอนน้องในทีมตอน Town hall ครั้งล่าสุด แต่หยิบมาเล่าสู่กันฟังดีกว่า เพราะเชื่อว่ามีประโยชน์กับใครอีกหลายคน แน่นอน!

ตั้งใจทำงานอย่างดี สุดท้ายเป็นได้แค่ Worker

มันคือการวางตัว และการวางความคิดเอาไว้ในมิติที่ถูกต้องก่อน หลายคนที่ตั้งใจทำงานมาก ทำงานออกมาให้ดีที่สุด เท่าที่ทำได้ แต่เจ้านายมองเป็นแค่ Worker คนนึง เหตุมาจาก ขาดการพัฒนา ขาด passion ในงาน งานที่ทำดี เป็นงานที่ทำซ้ำซาก แบบนี้เจ้านายชอบ เพราะว่าเป็น อ่านต่อ… “คุณกำลังทำงานเป็น Worker หรือ Partner”

5 วิธีเปลี่ยนคุณให้เป็น Leader

5 ways to leadership

ใครๆก็อยากเป็นเจ้าคนนายคน ก็พ่อแม่เราสอนเอาไว้ เรียนให้สูงๆจะได้เป็นเจ้าคนนายคน ซึ่งก่อนจะไปถึงตรงนั้น ก็ต้องแลกมาด้วยอะไรหลายอย่างเลย ผมเองก็อยู่ในตำแหน่ง leader เพราะว่ามีทีมที่ต้องคุมกว่า 30 ชีวิตเข้าไปแล้ว เลยเอาเรื่องที่ผมมองเห็นมาแชร์ให้ฟังดีกว่า กับ 5 วิธี เปลี่ยนคุณให้เป็น Leader

บริหารจัดการตัวเองให้ได้

ผมพูดให้น้องในทีมฟังเสมอ การที่จะขึ้นมาคุมคน คุมงาน คุม project ได้ ต้องเริ่มต้องจากการบริหารจัดการตัวเองให้ได้ก่อน ถ้าเราบริหารจัดการตัวเองได้แล้ว เราจึงจะสามารถมีเวลาเหลือมากพอที่จะไปบริหารจัดการคนอื่น หรืองานต่อได้ อันนี้ไม่ซับซ้อนและตรงไปตรงมามากๆ

ตัวอย่าง เวลาทำงาน 8 ชั่วโมง แต่ทำไป เล่นเน็ตไป เล่น facebook ไป ตอบกระทู้ไป สลับทำงานบ้าง เพลินเลย อ่านต่อ… “5 วิธีเปลี่ยนคุณให้เป็น Leader”

กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ

commitment for yours

ผมว่าเป็นคำที่เจ๋งมาก และเป็นคำที่ผมยึดถือมาตลอดช่วงการทำงานในหลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ผมก็จะถือว่าคำพูดนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก สิ่งที่เราพูดออกไป เราจะต้องทำให้ได้จริงด้วย แล้วเราจะเป็นคนที่มี Commitment ในสายตาคนอื่น ซึ่งนั่นก็จะนำมาสู่ความไว้วางใจ และท้ายที่สุด หน้าที่การงานเราก็จะดีขึ้นเองตามลำดับ

ผมเคยพูดเอาไว้ใน ถ้าอยากได้เงินเดือนเพิ่ม อย่าหวังว่าจะลอยมาเอง ถ้าเราอยากได้เงินเดือนเพิ่ม เราก็จะต้องสร้างคุณค่าให้ตัวเองเพิ่มขึ้น และการที่เราเป็นคนที่รักษาคำพูดนี้ ก็จะเป็นการเพิ่มคุณค่าตัวเองได้เป็นอย่างมาก อ่านต่อ… “กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ”