วิธีแก้เครียดแบบง่ายที่สุด

เครียด

เมื่อเวลาที่เราเครียดกับอะไรบางอย่าง ผมจะพูดในกรณีเครียดมากๆเลยก็แล้วกันนะ เอาถึงขนาดว่า ชีวิตนี้หาทางออกไม่ได้อีกแล้ว มันต้องแย่แน่ๆ แบบนี้ล่ะเข้าข่ายเลย

วิธีการแก้เครียดแบบง่ายที่สุด ก็คือ เปลี่ยน focus

อธิบาย ก่อนว่า คนเราเครียด ก็เพราะว่าเราจดจ่อกับอะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งอะไรบางอย่างนั้นดันเป็นสิ่งที่คิดหาทางออกไม่ได้ (ในตอนนั้น)หรือว่าคิดหาทางออกแล้ว แต่ก็ไม่ดีสักทางนึงเลย ก่อให้เกิดความเครียดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเมื่อเราเครียดเพิ่มขึ้นถึงจุดนึง สมองเราจะไม่สามารถคิดหาทางออกอะไรที่ดีกว่านั้นได้อีกแล้ว และสุดท้าย มันจะทำให้คุณเสียเวลา เสียพลังสมอง เสียพลังร่างกายไปเรื่อยๆ จนทำให้ชีวิตคุณจะพาลเสียหายไปด้วย อ่านต่อ… “วิธีแก้เครียดแบบง่ายที่สุด”

comfort zone คืออะไร ทำไมต้องออกจาก comfort zone

Step Out of Your Comfort Zone

comfort zone คืออะไร

comfort zone คือ ช่วงเวลาชีวิตที่เรารู้สึกว่าทุกอย่างดูเรียบง่าย สบาย ไม่มีปัญหาอะไรมากวนใจ หรือถ้ามี ก็รู้ว่าจะรับมืออย่างไรกับมัน ถ้าเป็นพนักงานบริษัท ก็คือช่วงเวลาที่รู้สึกว่าทุกอย่างลงตัวหมด ไม่ว่าจะเป็น หน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ตำแหน่ง เงินเดือน (แต่ความอยากได้เพิ่มก็มีอยู่เป็นปกติ) เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า เจ้านาย เรียกได้ว่า ทุกอย่างแทบจะลงตัวไปหมดเลย

ทำไมต้องออกจาก comfort zone

ความน่ากลัวของ comfort zone มันจะทำให้เรายึดติดกับความสบาย จนสุดท้ายชีวิตเหมือนกับหยุดนิ่ง เปรียบกับต้นไม้ที่หยุดโต แต่ เราจะแก่ลงไปเรื่อยในทุกวันที่ผ่านไป

เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เราปล่อยให้วันเวลาของชีวิต ทำให้เราแก่ลงเรื่อยๆ โดยเราไม่ได้ทำอะไรให้โลกใบนี้ ไม่ได้ทำอะไรให้ครอบครัว พ่อ แม่ ให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ อ่านต่อ… “comfort zone คืออะไร ทำไมต้องออกจาก comfort zone”

ถ่ายทอดประสบการณ์ งาน Agile Thailand 2016

agile thailand 2016

วันนี้ไปร่วมงาน agile thailand 2016 ถือว่าโชคดี เพราะว่าได้บัตรมาในรอบสุดท้าย ที่เป็นตั๋วหลุด 66 ใบ เพราะเห็นว่าเค้าเปิดมาเต็มแล้วเต็มอีกตั้งไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ เอาจริงๆ ก็คือ บังเอิญโคจรมาเจอมากกว่า เพราะไม่เคยรู้เลยว่ามีกิจกรรมนี้ด้วย จนพี่ที่ office เอามา post ในคืนวันตั๋วหลุดนั่นแหล่ะ กด ปุ้บ จองปั้บเลย ด้วยความที่ส่วนตัวอยากรู้มานานแล้ว agile มันคืออะไรแน่ อ่านในเน็ตก็ งงๆ คนที่ office ส่วนใหญ่ก็ไม่รู้เรื่อง เจองานแบบนี้ ลุยเลยสักตั้งแล้วกัน จริงๆ ก็ถือว่าเป็นการออกจาก comfort zone ด้วยเหมือนกันเพราะว่าปกติ ไม่ค่อยอยากออกจากบ้านวันหยุดสักเท่าไร แต่ก็ตัดใจ ลองไปดูสักตั้ง แต่ทีแรก งง ว่าสัมมนาอะไรจะเช้าเวอร์ขนาดนั้น เพราะว่าเริ่มตั้งแต่ 08.30 เลย เลิกเอานู่น 18.00 แน่ะ

รูปแบบของงาน

เป็นแบบ open space หรือถ้าเคยไปงาน bar camp มาก่อน ก็แบบนั้นแหล่ะ เช้าๆ ก็จะมีคนพูดเอาหัวข้อมาแปะไว้ แล้วบอกเวลา กับห้อง เราก็เลือกหัวข้อที่สนใจ แล้วเข้าไปฟัง แน่นอนว่า มันจะมีหลายหัวข้อที่เราอยากฟัง ดันพูดในเวลาเดียวกัน ก็ต้องเลือกแล้วล่ะ  ส่วนขนาดของห้อง ก็มีตั้งแต่ไม่ใหญ่ จนถึงหลักร้อยคนเลยทีเดียว อ่านต่อ… “ถ่ายทอดประสบการณ์ งาน Agile Thailand 2016”

มองหาวิธีที่จะประหยัดเวลา แต่กลับเสียเวลามากขึ้น

time-management

หลายคนมองหาวิธีที่ทำให้เราประหยัดเวลามากขึ้น เช่นวิธีการหั่นผักให้เร็วขึ้น ประหยัดได้ สามนาที, ถอดชุดให้เร็วขึ้น ประหยัดเวลาไปได้ สองนาที, ชงกาแฟให้เร็วขึ้น ประหยัดเวลาไปได้อีก สามนาที แต่ว่าหลายคนไม่ได้รู้เลยว่า แท้จริงแล้ว สิ่งที่เราประหยัดไปได้จากเรื่องพวกนี้ ไม่ได้มีความหมายกับชีวิตได้เท่าไรเลย

หาก คุณคิดว่าคุณมีเทคนิคการประหยัดเวลาจากเรื่องต่างๆ รวมๆกันทำให้ประหยัดเวลาไปได้ 35 นาทีต่อวัน แต่ลองคิดดูความเป็นจริง ในทุกๆวันก็ไม่ได้ประหยัดได้เท่านี้หรอก อีกทั้งเวลา 35 นาทีหรือ น้อยกว่านี้ มันก็ไม่ได้ช่วยให้เราทำงานอะไรเสร็จอีกด้วย และทั้งหมดนี้ยังไม่นับเวลาที่เราต้องเสียไปกับการหาเทคนิคเหล่านี้มาอีก ซึ่งนั่นอาจจะใช้เวลาสองสามชั่วโมงเลยก็เป็นได้ อ่านต่อ… “มองหาวิธีที่จะประหยัดเวลา แต่กลับเสียเวลามากขึ้น”

ทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ได้งานเยอะกว่า จริงหรือ?

การจัดการเวลา

ทุกวันนี้เรามักจะทำอะไรพร้อมๆกัน มากกว่าหนึ่งอย่างในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีอุปกรณ์ IT + Internet เช่น ดู TV + เล่นมือถือ บางคนหนักกว่า เปิดหน้าจอ computer + tablet + มือถือ ซึ่งมือถือ กับ tablet เปิด series คนละเรื่องอีก อะไรจะขนาดนั้น

จริงอยู่ว่าหลายคน สามารถฟังเพลง พร้อมกับการพิมพ์งานไปได้ แต่จะมีสักกี่คน ที่พิมพ์งานได้จนจบ และหลังจากนั้นสามารถบรรยายเนื้อเพลงได้ แม้ว่าเป็นเพลงที่ฟังครั้งแรกก็ตาม (คนที่ทำได้จริง ก็น่าจะมี แต่มีอยู่ไม่เยอะ และไม่ใช่คนส่วนใหญ่แน่นอน) อ่านต่อ… “ทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ได้งานเยอะกว่า จริงหรือ?”

สวัสดีครับ

การเริ่มต้นใหม่
การเริ่มต้นใหม่

สวัสดีอีกครั้งกับการเริ่มต้นเขียน Blog อย่างเป็นทางการของผมอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายไปนานเป็นปีเลยก็ว่าได้ แต่เดิม เขียนอยู่ที่ MeeWebFree.com แต่ว่าด้วยวันเวลาที่เปลี่ยนไป จาก Programmer ที่ทำงานหลังบ้านคนนึง ก็เติบโตมาเป็น Manager และปัจจุบันก็เป็น GM ของบริษัท Central Online ส่งผลให้ผมไม่ได้ดิ่งลึกในส่วน Coding อีกต่อไป ก็เลยไม่รู้จะเขียนอะไรในด้าน Technical อีก (แต่ว่าไม่ได้ทิ้งนะ แต่สู้เด็กๆ ที่สดๆ เจาะลึกกว่าไม่ได้ ดังนั้นเรียนจากเด็กๆเอาดีกว่า)

อีกประเด็นก็คือ การผันตัวเองเข้ามาสู่วงการ eCommerce อย่างเต็มตัว นับตั้งแต่ที่ได้เริ่มต้นงานกับ Tarad.com แล้วไปต่อที่ Lazada.co.th (รุ่นก่อตั้ง ตั้งแต่ยังทำงานที่ย่าน นานา ก่อนพื้นจะปูพรมซะอีก) รวมถึงไปร่วมสร้าง Cdiscount.co.th ตั้งแต่ ยังไม่มีอะไรเลย (ไม่มีเลยจริงๆ คือเรียกว่าไปเริ่มตั้งแต่ยังไม่ได้มีโค้ดบรรทัดแรกเลยด้วยซ้ำ) ยาวมาจนตอนนี้ ที่ทำงานเป็น GM กำลังพัฒนา platform ขายสินค้าให้กับเครือ central ทั้งเครือ (ลามไปยันเวียดนามด้วยนั่น)

ทั้งหมดนี้ ผมเลยคิดว่า อาจจะต้องวางมือจาก MeeWebFree.com แล้วถอยออกมาตั้งหลักใหม่ เพราะว่า เมื่อวันเวลาที่เปลี่ยนไป ผมเองก็เปลี่ยนมุมมอง และ มองมุมใหม่ของโลกเราเพิ่มขึ้น ทำให้เห็นอะไรมากกว่าเดิมอีกเยอะ เดิมทีเคยคิดว่าเลิกเขียนบทความ ไปเลยดีกว่า แต่… ช่วงเวลาชีวิตหลายช่วงเวลาของผมนั้นคิดว่า เอาด้านที่ดี มีประโยชน์กับคนอื่นมาถ่ายทอดต่อออกไป จะดีไม่น้อย เพราะว่าผมเป็นคนที่หาข้อมูลความรู้ผ่านทาง internet อยู่แล้ว อะไรที่เรารู้แล้วเราแบ่งปันได้ ย่อมดีกว่าเก็บเอาไว้แล้วให้ตายไปกับตัวเรา รวมทั้ง ความรู้บางอย่าง เราอาจจะไม่ถูกต้องก็ได้ ก็จะได้แลกเปลี่ยนกัน โดยระหว่างที่วางมือจาก MeeWebFree.com นั้น ก็หันมาเขียนผ่านทาง facebook page แทน https://www.facebook.com/meewebfree.world/ แต่ก็ยังรู้สึกว่า มันไม่ใช่ของเรา ขยับมาเขียนบนเว็บตัวเองดีกว่า เราสามารถสร้างประสบการณ์การอ่านที่เราคิดว่าจะดีให้กับผู้ใช้เองได้

ตัดสินใจ เริ่มตั้งเว็บใหม่ ชื่อใหม่ เขียนใหม่ เริ่มจาก 0 อีกครั้ง DNA ความเป็นผู้สร้างมันพลุ่งพล่าน จริงๆ กว่าจะขยับเริ่มเขียนได้ ก็เลื่อนแล้วเลื่อนอีก เลื่อนไปครึ่งปีเห็นจะได้ ท้ายที่สุด ไม่ได้ละ เราต้องเริ่มมันนี่แหล่ะ ทำไปเรื่อยๆ บ่อยๆ จะได้ชินเหมือนอย่างเมื่อก่อนที่ทำตลอด

ผมสัญญาว่า จะนำเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคนอ่านเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การพัฒนาตนเอง (ร่างการ ชีวิต ส่วนตัว ครอบครัว ฯลฯ) การพัฒนาเรื่องงาน การนำเสนอแนวความคิดในมุมมองบวก (ต้องบอกว่า จากคนที่เคยเป็นคนที่คิดลบมาด้วย ทำให้มองเห็น และเข้าใจคนที่ เป็นคนคิดลบ และ บวกทั้งสองทางเลย) รวมทั้ง ด้าน eCommerce ที่เป็นสายงานหลักๆ ของผมในตอนนี้ด้วย (จริงๆเรื่อง eCommerce เนี่ย อีกยาวเลยทีเดียว)